วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ฮอกไกโด ในวันที่หิมะตกหนักมาก ตอนที่ สอง ตอนจบ

Kiroro resort, Hokkaido
ความเดิมตอนที่แล้ว เรามาลอง Kiroro resort ที่ ที่ไม่ค่อยฮิตมากเท่าไหร่ แต่เริ่มมาฮิต เพราะหนังไทยที่ชื่อว่า "แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว" มาถ่ายทำที่นี่ครับ  อันนี้ Link ของตอนที่แล้ว 

ตื่นเช้ามาอีกที หิมะก็ท่วมอย่างที่เห็น แถมยังไม่หยุดด้วยครับ วันนั้นหิมะตกทั้งวันเลย บางทีผมก็สงสัยว่าเขาขับรถกันเข้าไปได้ยังไง เก่งจัง

ลงมาทานข้าวที่ข้างล่าง คนที่มาพักที่นี่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนกับคนไทย ซึ่งทั้งสองชาติ ไม่ค่อยจะมีระเบียบพอๆ กันเลย คนไทยก็นินทาคนจีน คนจีนก็นินทาคนไทย  ปัญหาจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่คุณเป็นคนเชื้อชาติสัญชาติอะไร สิ่งที่เขารังเกียจนั้น คือ "พฤติกรรมที่ไม่งาม" ครับ  เวลาเราไปอยู่ต่างประเทศ ต้องนึกไว้เสมอว่า เราเหมือนเป็น ฑูตของประเทศของเราครับ เวลาเราทำอะไรไม่ดี เขาจำไม่ได้หรอกว่า ใครเป็นคนทำ แต่เขาจำได้ว่า "คนไทย" เป็นคนทำ

อาหารเช้า ก็หลากหลายดีครับ ที่ผมชอบที่สุด ก็คือ เนย กับขนมปัง นี่แหละ  แล้วเขาก็มีหอยเชลล์ตัวใหญ่ๆ ผัดเนยด้วยครับ  ค่อยๆ ทำมา

Kiroro resort, Hokkaido

Kiroro resort, Hokkaido
 กับ อันนี้คือ โยเกิร์ต คิโรโร่ อร่อยดีเหมือนกัน
Kiroro resort, Hokkaido
 ออกไปหน้าโรงแรมเท่านั้น  หิมะท่วมครับ
Kiroro resort, Hokkaido
 ลมแรง และหิมะก็ยังตกอยู่ด้วย
Kiroro resort, Hokkaido
 วันนี้เราจะไปเล่นสกี ที่อยู่ที่ Mountain club ซึ่งต้องขับรถไป จากโรงแรม Tribute  หากถ้าเราพักที่ Sheraton ก็จะไม่ต้องขับรถไป  แต่ผมเข้าใจว่า พักที่ Tribute ได้ห้องใหญ่กว่า ครับ  ขับรถไปไม่ไกลลลลครับ  แต่เดินไปไม่ได้ อันตราย เพราะทั้งหนาวทั้งลื่น

Kiroro resort, Hokkaido

Kiroro resort, Hokkaido
เมื่อไปถึง ที่เล่นสกี แล้วก็ต้อง ไปเช่าชุด กับซื้อบัตร เพื่อใช้นั่งกระเช้าครับ  เข้าใจว่าโรงแรมมีการขายเป็น package เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าขายที่ไหน  เพราะว่าโรงแรมทั้งสองแห่ง บริหารโดยคนละคนบริหารกัน และก็ลานสกี ก็บริหารโดยอีกเจ้าเหมือนกัน

ลานสกีนี้ เป็นลานสกีแบบค่อนข้าง hardcore คือ สำหรับคนมาเล่นสกีจริงๆ ไม่ค่อยมีที่่เล่นง่ายๆ เตาะแตะ ให้กับ คนที่มาเล่นหิมะ ไม่ได้มาเล่นสกี

ขึ้นไปด้านบน จะมี ที่เคาะระฆัง ที่ว่ากันว่า เคาะสองครั้ง จะปรารถนาในความรัก แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับ เพราะมัวแต่เล่นสกี ไม่ได้เอากล้องใหญ่ไปแล้ว  ถ่ายมาได้แค่นี้เอง

ใน locker

Kiroro Mountain Club

ตรงนี้ก็มีที่ขายของ One Day สงสัยคนไทยมาเยอะ?

Kiroro Mountain Club

สภาพในลานสกีวันนั้น  หิมะตกหนักเลย และเนื่องจากหิมะเพิ่งจะตก ในวันเริ่มฤดูกาลสกี หิมะก็เลยยังฟูๆ ไม่อัดตัวกันมากครับ  เล่นๆ อยู่ จะจมลงไปในหิมะ ได้เลยครับ

Kiroro Mountain Club
เย็นไปลองทาน บุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมครับ เพราะยังไงก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี และก็ไม่มีให้เลือกมากด้วย  อันนี้หัวละ ห้าพันเยน สำหรับผู้ใหญ่ ก็งั้นๆ ครับ รสชาติ และอาหารที่มาให้เลือก ไม่มีอะไรน่าประทับใจ

Kiroro resort, Hokkaido

Kiroro resort, Hokkaido
 พนักงาน ขยันและน่ารักดีครับ
Kiroro resort, Hokkaido
 ขาปูแช่เย็น มาเติมเรื่อยๆ แต่ไม่อร่อยมากหรอกครับ

Kiroro resort, Hokkaido
 แล้ว ก็ต้องออกมาจากที่นี่  บอกตามตรงว่า ถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดถึงมันอยู่  สงสัยว่า จะไปน้อยเกินไป ถ้าไปนานๆ กว่านี้อาจจะเบื่อก็ได้

Kiroro resort, Hokkaido
Hokkaido

แล้ว ก็มาเข้าเมืองเพื่อมาเที่ยวตัวเมือง Sapporo บ้าง แต่วันนั้นหิมะตกหนัก ทำให้ การเดินทางลำบาก เลยเที่ยวไม่ได้ทำไหร่ครับ  อากาศเปลี่ยนเร็วมาก เด๋วหิมะตก เด๋วก็สว่าง

ที่แรกที่ไปคือโรงงาน Chocolate Royce

ส่วนใหญ่จะเป็นที่ขายของ แต่ก็สนุกดีนะครับ น่าไปอยู่เหมือนกัน

Royce’ Chocolate World

Royce’ Chocolate World

Royce’ Chocolate World
 ถ้าซื้อรูปที่ถ่ายตรงน้ำพุตรงนี้ เขาจะถ่ายรูปให้ฟรีอีกรูปหนึ่ง ข้างนอก

Royce’ Chocolate World
 ชมสายการผลิต ก็หิวแล้ว เพราะมีกลิ่นหอมๆ ของขนมออกมาด้วยครับ


Royce’ Chocolate World
จากนั้นไปกินปูที่ Kani Honke ร้านนี้เคยมาครั้งหนึ่งเมื่อตอนสิบกว่าปีที่แล้ว ครั้งนั้นไม่ค่อยมีเงิน ตั้งใจว่าถ้ามีเงินจะกลับมาทานร้านนี้ แก้แค้นให้ได้  กว่าจะได้มาจริงๆ ก็สิบกว่าปีให้หลังเลย ร้านนี้ต้นกำเนิดอยู่ที่ ฮอกไกโดนี่เอง และร้านที่ผมไปนั้น คือร้านแรก สาขาแรก ของร้านนี้ครับ

http://www.kani-honke.jp/en/

Sapporo Kanihonke
 สั่งซะชุดใหญ่ กว่าจะหมด เล่นเอาพุงกางครับ

Sapporo Kanihonke

Sapporo Kanihonke

Sapporo Kanihonke

Sapporo Kanihonke

Sapporo Kanihonke
แล้วก็ไปขับรถวนดูที่กระโดดสกีของโอลิมปิก ฤดูหนาว คือ Sapporo เคยเป็นที่จัดแข่ง โอลิมปิกฤดูหนาวด้วย  จะว่าไป เมือง Sapporo นั้นยังพัฒนาน้อยกว่าจังหวัดอื่นของญี่ปุ่น นี่ก็เพิ่งมีชินกันเซน มาถึงเมื่อต้นปี 2559 นี้เอง ปกติจะมา Sapporo ต้องมาเครื่องบินหรือมาเรือ ครับ

แล้วก็ไปไหว้พระที่ ศาลเจ้าฮอกไกโด ( Hokkaido Shrine )  ที่จริงแล้วสถานที่พวกนี้ห่างกันไม่มากหรอกครับ

ผมตื่นเต้นมากเลย ที่ได้มาที่ศาลเจ้านี้ในวันนั้น  เพราะว่าแม้ผมจะเคยเห็นหิมะเยอะๆแบบนี้มาแล้ว แต่ตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นมา ผมไม่เคย อยู่ในหิมะที่เยอะขนาดนี้ ที่วัดในประเทศญี่ปุ่นครับ  มันให้ความรู้สึกใหม่ มาก


Hokkaido Shrine

Hokkaido Shrine
 Winter wonderland
Hokkaido Shrine

Hokkaido Shrine

Hokkaido Shrine

Hokkaido Shrine
 หลังคานี้ เขาไว้ทำแบบนี้นั่นเอง  หิมะกองบนหลังคาเต็มเลย
Hokkaido Shrine
วันนั้นใช้เวลาเดินทาง นานมากเลยครับ ว่าจะมาถึงที่พักในคืนนั้น ที่ JR tower hotel Nikko Sapporo  ผมว่าโรงแรมนี้อยู่ใน Location ที่สะดวกมากๆ เลย มีทั้งสถานีรถไฟ และก็ห้างสรรพสินค้ามากมาย

JR tower Hotel Nikko Sapporo

JR tower Hotel Nikko Sapporo
 ห้องที่โรงแรมไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป
JR tower Hotel Nikko Sapporo

JR tower Hotel Nikko Sapporo

JR tower Hotel Nikko Sapporo

JR tower Hotel Nikko Sapporo
 ไปเดินใกล้ๆนั้น มี ซัปโปโร ราเมง เคียววาโคคุ (https://www.tripadvisor.com/Restaurant_Review-g298560-d1479763-Reviews-Sapporo_Ramen_Kyowakoku-Sapporo_Hokkaido.html )

เป็นร้านที่รวมราเมงหลายๆ ร้านไว้ด้วยกันครับ  ร้านอยู่ที่ชั้นสิบของ ESTA ที่ Sapporo JR Tower ครับ
Link ของ เวปไทยครับ 


Sapporo Ramen Kyowakoku , Sapporo Hokkaido

Sapporo Ramen Kyowakoku , Sapporo Hokkaido

Sapporo Ramen Kyowakoku , Sapporo Hokkaido

Sapporo Ramen Kyowakoku , Sapporo Hokkaido
 ร้านที่ผมลองทานคือร้าน ราเมง โซร่า ซึ่งไม่อร่อยมากหรอกครับ

Sapporo Ramen Kyowakoku , Sapporo Hokkaido
 ทีแรกว่าจะไปทานที่ Sapporo Beer Hall แต่ หิมะตกหนัก ไปไหนไม่ได้ไกล ก็เลยทานบนชั้นบนของโรงแรมครับ  วิวสวยดีเหมือนกัน

JR tower Hotel Nikko Sapporo

JR tower Hotel Nikko Sapporo

JR tower Hotel Nikko Sapporo

หมดแล้วครับ  วันที่กลับก็คือวันถัดมา ซึ่ง เครื่องออกตอนสิบโมง เราก็ออกจากโรงแรมตั้งแต่หกโมงเช้าแล้วนะครับ  แต่ว่า หิมะตกหนักมาก มีอุบัติเหตุบนทางด่วน ทำให้เกือบตกเครื่องครับ  ดีที่ยังมาทัน  วันนั้นทุกคนคงเกือบตกเครื่องกันหมด เพราะต้องมาทางด่วนเดียวกัน  เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า วันหลังถ้าหิมะตกหนักมาก ควรใช้รถไฟ อาจจะดีกว่าครับ

ถ้ามีคนถามว่าทำไมผมยังเขียนเรื่องราวพวกนี้อยู่ แม้คนจะอ่านไม่มาก ก็บอกเลยว่าไม่เป็นไรครับ ไม่เคยได้อะไรจากการเขียน Blog พวกนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว  แต่ยังไงก็เขียนไว้สำหรับตัวเอง ให้จำได้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นจริงๆ ก็พอครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น