วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

รีวิวทริป ย่างกุ้ง ประเทศพม่า ครับ , Yangon Myanmar

Shwedagon Pagoda , Yangon
ผมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น กระตือรือร้นในการเขียนรีวิวมานานพอสมควรแล้วครับ  อาจเป็นเพราะว่ามันมีแต่ความจำเจก็เป็นได้  รีวิวนี้เป็นรีวิวที่ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจในการเขียนมากทีเดียวครับ  คือรีวิวทริป ย่างกุ้ง พม่า นั่นเอง  ทุกครั้งที่พูดถึงพม่าผมมักจะนึกถึงเพลงนี้ทุกครั้งเลยครับ

" ไปรบอยู่แห่งไหน ใจคณึงถึงเจ้า เคยเล้าโลมโฉมแม่ ข้ากลับมาเมืองแปร มองเหลียวแหล แสนเปลี่ยวเปล่า ไม่มีแต่เหงาข้าเฝ้าอาลัย หัวใจแทบขาด อนาถใจไม่คลาย"  ครับ เพลงผู้ชนะสิบทิศนั่นเอง ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่แต่งโดยคนไทย จากวรรณกรรมเรื่องผู้ชนะสิบทิศ ของยาขอบ ที่เป็นคนไทยอีกเช่นกัน ( เพลงครับ )  ท่านผู้อ่านรู้จักตะละแม่กุสุมา ตะละแม่จันทรา กันไหมครับ :D

ผมไปพม่าครั้งนี้ ครั้งที่สอง ซึ่งครั้งก่อนที่ได้ไปนั้นคือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ครั้งนั้นพม่ายังไม่เปิดประเทศ บอกตามตรงผมไปครั้งแรกนั้นผมไม่อยากไปเลย เพราะจากบทเรียนที่ผมถูกสอนในโรงเรียนของไทยมาตั้งแต่สมัยเด็กๆนั้น สอนผมไปแบบนึง และจากที่เห็นชาวพม่าที่เป็นแรงงานในประเทศของเรา กับมุมมองของข่าวที่สื่อจากฝ่ายไทยฝ่ายเดียวนั้น ก็ทำให้จินตนาการไปต่างๆนาๆ ได้   แต่หลังจากประสบการณ์การไปในครั้งก่อนนั้น เมื่อกลับมาแล้วผมได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านของเราใน AEC จนเกือบครบทุกประเทศ ปัจจุบันขาดแค่อินโดนิเซีย  ประเทศที่ผมประทับใจในการเดินทางที่สุด จากวันนั้นถึงวันนี้ มีแค่ประเทศพม่า และลาวสองประเทศเท่านั้นครับ

การไปครั้งนี้ที่เลื่อน ก็เกิดจากความไม่เข้าใจของผมเองในเรื่องการทำวีซ่า เพราะเข้าใจว่าการเดินทางเข้าประเทศพม่านั้นไม่ต้องใช้วีซ่า ก็เลยไม่ได้ขอวีซ่าไปก่อน พอเดินทางไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ท่านเจ้าหน้าที่ที่ counter การบินไทยตรงช่องแรกของที่ check in business class ท่านก็บอกว่าต้องใช้วีซ่า แถมยังถามผมว่า " ไม่เคยไปพม่าเหรอค่ะ"  นั่น!  ผมก็เลยไม่ได้ตอบอะไร แล้วผมก็รำพึงว่าทำไมไม่มีใครบอกผมเลยนะว่าต้องทำวีซ่า  ท่านพนักงานการบินไทยคนที่เคยสวยเมื่อนานแล้วก็บอกว่า  "เรื่องทำวีซ่าต้องรู้เองค่ะ การบินไทยไม่มีหน้าที่ต้องบอกค่ะ"  ผมก็เลยบอกว่า "ผมรำพึงว่าทำไมเลขาผม หรือคนรอบข้างถึงพลอยไม่รู้เรื่องกันไปหมดน่ะครับ ไม่ได้ว่าการบินไทยครับ"  จบ แล้วผมก็เลยกลับด้วยความหงอยเหงาไปทำ วีซ่า แล้วก็เลยได้เดินทางในสองอาทิตย์ถัดมาครับ  ซึ่งเมื่อลงถึงพม่าก็ได้เห็น counter VISA on arrival ทำให้ผมรู้สึกมึนงง กับความไม่รู้เรื่องของตัวเองอีกครับ

สรุป ทำ visa on arrival ได้นะครับ  ส่วนเรื่องพนักงานคนสวยของการบินไทยนั่น ตอนนี้ไม่ทราบว่าเธอจะทราบหรือยัง  แต่ผมขออนุญาตมีความเห็นว่า น่าจะปรับปรุงวิธีการพูดหน่อยก็ดีครับ หรือไปรับพนักงานมาใหม่ก็ได้  ผมว่าอายุเฉลี่ยของพนักงานการบินไทยตอนนี้ สูงมากนะครับ ถ้าเทียบกับอุตสาหกรรม ทั้งพนักงานบนเครื่องและพนักงานภาคพื้นเลยครับ

ชาวพม่า ที่เจดีย์ ชเวดากอง
เข้าเรื่องพม่านะครับ รอบนี้ไปมีเวลาดูโน่นนี่อยู่ครึ่งวันครับ เมื่อลงถึงสนามบินย่างกุ้ง สิ่งที่พบก็คือ สนามบินนี้เป็นสนามบินใหม่แล้ว นับว่าพัฒนากว่าหลายประเทศในแถบนี้เลย แต่ด้าน software ในการทำงานอาจยังไม่ทัน กับ hardware ถ้าเป็นเมื่อเจ็ดปีก่อน จะได้พบกับสนามบินที่คล้ายๆสถานีรถไฟในต่างจัดหวัดของบ้านเราครับ  แต่สมัยนั้นคนไม่เยอะ  สมัยนี้สนามบินใหญ่ขึ้น แต่คนก็ยังเยอะมากๆ

สิ่งแรกที่ผมทำก็คือการแลกเงิน พม่ามีเอทีเอ็มแล้ว และตอนนี้ก็มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ชัดเจน เท่ากันเกือบทุกที่ ราคาไม่หนีกันมาก และตอนนี้รัฐบาลพม่าพยายามทำให้เงินพม่าแข็ง (เกินจริงรึเปล่า) อยู่ด้วยครับ ตก 1 US$ เท่ากับ 900 จ๊าด (MMK) แลกเงินเสร็จก็ไปเรียกรถแท๊กซี่ครับ อัตราจากสนามบินเข้าเมืองมี rate มาตรฐานอยู่คือ 10 US$ ครับ ส่วนวิธีเข้าเมืองแบบอื่นไม่ทราบได้ครับ  ครั้งนี้ที่ผมทำก็คือ ผมเหมาแท๊กซี่ไว้เลยครับ และจ้าง คนแถวนั้นเป็น guide อีกคนนึง ซึ่งก็คือเพื่อนแท๊กซี่นั่นแหละ ผลจากการทำสิ่งนี้ผมว่าคุ้มนะครับ มาดูกันว่า ภายใน 4 ชั่วโมง ผมไปทำอะไรมาบ้างในย่างกุ้ง ผมว่าผมไปหลายที่อยู่ครับ

สาวพม่า ยังคงใช้ทานาคา
วันที่ไปเป็นวันหยุดที่พม่าพอดี คนขับแท๊กซี่บอกว่าเป็นวัน full moon ซึ่งน่าจะเป็นวันฉลองเจดีย์ชเวดากอง กระมังครับผมไม่แน่ใจครับ (แต่น่าจะใช่นะครับ) รู้แต่ว่าเป็นวันฉลอง และเป็นวันหยุด และคนไปวัดเยอะมากๆ ทำให้เจดีย์ยิ่งดูศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปอีก

ชเวดากอง
ที่ที่ไกด์จำเป็นของผมพาไปก็มี ที่แรกคือพาไปดูช้างเผือกครับ

ช้างเผือก ทีย่างกุ้ง
ที่ที่สองคือเราไปดู พระพุทธรูปหินอ่อน ที่วัด Kyuak Taw Gyi  ผมขออนุญาต เรียกว่าวัดพระหินอ่อนแล้วกันนะครับ  เข้าวัดที่พม่านี้ต้องถอดรองเท้าทุกวัดนะครับ จะใส่รองเท้าไม่ได้  การจ้างรถก็ดี เราจะได้เอารองเท้าไว้ในรถ ผมว่าคนพม่าพูดรู้เรื่องนะครับ ไม่งี่เง่าขึ้โกงนะ คุยกับเขาให้รู้เรื่องละกันครับ

วัดพระหินอ่อน ย่างกุ้่ง
 องค์ใหญ่มากครับ เทียบขนาดกับคนดูนะครับ  แต่การถ่ายรูปทำได้ค่อนข้างยากในเวลากลางวัน เพราะองค์พระอยู่ในกระจกเพื่อรักษาวัตถุที่ทำองค์พระ ทำให้เกิดแสงสะท้อนมากมายครับ

วัดพระหินอ่อน ย่างกุ้่ง

วัดพระหินอ่อน ย่างกุ้่ง
หลายวัด รวมทั้งวัดพระหินอ่อนที่การถ่ายรูป ด้วยกล้องมือถือหรือกล้องอะไรก็ตามต้องบริจาคเงินเข้าวัดนะครับ

ค่ากล้อง
 ผักแบบนี้ ที่เมืองไทยเอามากิน เป็นผักแกล้ม แต่ที่พม่าเขาไม่กิน เพราะชื่อของผักนี้ (ที่ผมไม่รู้เรียกว่าอะไรนะครับ ทั้งไทยทั้งพม่านั่นแหละ ) ชื่อของผักนี้คล้องจองกับคำว่าความสำเร็จครับ ดังนั้นจึงถูกใช้เป็นเครื่องบูชา เพื่อให้ผู้บูชาประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวัง

เครื่องบูชา
ต่อมาไปอีกวัดหนึ่งใกล้ๆกันนั้น ไม่ทราบว่าชื่อวัดอะไร แต่ไกด์จำเป็นของผมเขาบอกว่าเป็นวัดสร้างขึ้นเพื่อฉลองสงครามโลกสงบ

ของถวาย

เด็กนักเรียนที่มาทำงานอาสา

องค์พระ
วัดต่อมาที่ไปคือวัด พระตาหวาน หรือวัดพระไสยาสเจ้า ทัตจี วัดอยู่ใกล้ๆกันมากครับ องค์พระตาหวานสร้างด้วยปูน ยาว 72 เมตร ที่พระเนตรของพระทำด้วยแก้ว

พระตาหวาน

พระตาหวาน

พระตาหวาน
 ที่พระบาท มีรูปแกะ 108 รูป (รูปมงคล 108 ประการ) รูปแสดงโลกทั้งสาม ว่าพระพุทธทรงอยู่เหนือโลกทั้งสาม

พระตาหวาน
พอถึงตรงนี้ เริ่มเหนื่อย บอกไกด์ว่าให้พาเข้าเมืองไปหาไรเย็นๆกินดีกว่า ร้อนเกินครับ ไกด์เลยพาเข้าเมืองไปดูตึกยุคอาณานิคมของอังกฤษ ถ้าถ่ายรูปมาดูเผินๆ เหมือนว่าอยู่ในยุโรปได้เหมือนกันนะครับ

นี่คือ St. Mary's Cathedral  Yangon โบสถ์แห่งนี้ยังใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจ อยู่ในปัจจุบัน

St. Mary's Cathedral  Yangon

St. Mary's Cathedral  Yangon

St. Mary's Cathedral  Yangon

โบสถ์ Baptist ย่างกุ้ง
 ที่ทำการรัฐบาล แห่งเก่าซึ่งตอนนี้กำลังรีโนเวตให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ที่นี่สวยมากๆครับ ณ ที่แห่งนี้คือที่ที่นายพลฮองซาน พ่อของฮองซาน ซูจี ถูกลอบสังหาร ขณะประชุม

Minister office
แล้วก็ชมบรรยากาศในเมืองครับ 
รูปนี้น้องๆ กำลังทดลองทำ ทานาคาให้ดู

น้องๆกำลังทำ ทานาคาให้ดู
 ก๋วยเตี๋ยวข้างทาง น่ากินมากๆ

ก๋วยเตี่ยว
 ทำน้ำอ้อยสด
อ้อย


ร้านสลัด พม่า แบบนี้เห็นได้ทั่วไป
สลัด
 รถเมล์
บนถนนพม่านี่ไม่มี รถมอเตอร์ไซค์นะครับ เพราะผู้นำคนเก่าถูกลอบสังหาร ก็ด้วยมอเตอร์ไซค์นี่แหละ ทำให้ถนนย่างกุ้ง ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์เลย  ซื้อได้ แต่ก็ต้องไปขับข้างนอกเมือง  ไม่มีมอเตอร์ไซค์ก็ดีไปอีกแบบครับ

ขณะรถติดๆอยู่นั้น ก็มีคนมาขายของเหมือนถนนในประเทศไทยเลย แต่ที่ไม่เหมือนคือที่นี่เขาขาย พระราชบัญญัติ กันด้วย เช่นพวก foreign investment law ครับ

รถเมล์
 พี่เขาทำก๋วยเตี่ยว "จัน" ให้กิน อร่อยมากๆ นะครับ มันเหมือนก๋วยเตี๋ยวแห้ง แล้วก็มีน้ำคลุกคลิก รสเผ็ดนิดๆ อร่อยดี

Shan Noodle myanmar
 ก๋วยเตี่ยวนี่อร่อยมากๆครับ ผมว่า และในไทยก็ไม่มีแบบนี้ด้วย

Shan Noodle Myanmar
ศาลาว่าการเมืองย่างกุ้ง กำลังจัดเตรียมสำหรับสงกรานต์

ศาลาว่าการเมืองย่างกุ้ง
 อนุสาวรีย์ ฉลองเอกราช
อนุสาวรีย์ชัย
 อาคารศาลสูงสุด หน้าตาเหมือนอังกฤษมากๆ  กฎหมายหลายอย่างของที่นี่เพิ่งปฎิรูปกันเมื่อปี 2555 นี่เองครับ

ศาลสูง
แล้วก็มาพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองครับ เวลาที่เหมาะจะมาที่นี่คือตอนเย็นๆนี่แหละ รอ light up และก็ไม่ร้อนด้วยครับ

ทางขึ้นมีสี่ทิศ เป็นบันไดเลื่อน และแน่นอนต้องถอดรองเท้าถุงเท้าครับ

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง
 คนเยอะมากเพราะเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง บูชาเจดีย์  ( Tabaung Festival )

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง
 ค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติ 5 US$

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง
ชมบรรยากาศ ไปเรื่อยๆนะครับ พระเจดีย์ชเวดากองนี่ใหญ่มาก มีทางขึ้นสี่ด้าน มีพระประจำวันเกิด อยู่รอบๆ เจดีย์ จุดสังเกตุว่าตัวเองต้องไปบูชาพระองค์ไหนที่ง่ายที่สุดคือให้สังเกตที่สัตว์ประจำวันครับ วันอาทิตย์ คือครุฑ วันจันทร์ คือเสือ (อยู่ทิศตะวันออก) วันอังคาร คือสิงห์ (อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้)  วันพุธเช้า ช้างมีงา (อยู่ทิศใต้) วันพุธกลางคืน ช้างไม่มีงา วันพฤหัสบดี หนู  (อยู่ทิศตะวันตก) วันศุกร์ กระต่ายหูสั้น (อยู่ทิศเหนือ) วันเสาร์ พญานาค 

มีการถวายอาหารแก่พระพุทธ ด้วยเค้ก และเค้กก็มีการประดับประดาเค้กเป็นรูปต่างๆด้วยครับ

The great Dagon Pagonda
 Gallery รูป เกี่ยวกับองค์พระเจดีย์
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง


The great Dagon Pagonda

 ในรูปนี้จะเห็นคนมะรุมมะตุ้ม กันสรงค์น้้ำพระประจำวันเกิดของตน ซึ่งค่อนข้างใช้เวลา เพราะเขาจะสรงน้ำ ให้ครบตาม "กำลัง" ประจำวันเกิด เช่นวันจันทร์ กำลัง 15 ก็สรงน้ำ 15 ขัน เป็นต้น

The great Dagon Pagonda
หลังจากนั้นมืดแล้วก็มาทานอาหารที่ร้าน  Le Planteur   ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบ และพระเจดีย์เลย ร้านนี้จัดเป็นร้านหรูของที่ย่างกุ้ง แต่คนก็เต็มเกือบทุกวัน  เชื่อไหมครับว่าคนพม่ามีเงินแต่ไม่ค่อยมีที่ให้ใช้เงินเท่าไหร่ ?

Le Planteur , Yangon Myanmar
ร้านนี้มี Felix Eppisser  ผู้เป็น chef Michelin star เป็นเจ้าของร้านและดำเนินการเอง เราสามารถพบคุณ Felix และ ภรรยาได้เป็นประจำ

Le Planteur , Yangon Myanmar
ร้านนี้เป็นบ้าน และก็มาทำเป็นร้านอาหาร ที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ด้านนอกอาคาร อยู่ในสวน และมันมืดมาก ทำให้ผมถ่ายรูปได้เท่านี้ครับ

Le Planteur , Yangon Myanmar
 ร้านนี้มี wine list ชั้นนำมากมายโดยเฉพาะ wine ฝรั่งเศสครับ

Le Planteur , Yangon Myanmar
 ทานแล้วราคาแพงๆ พอกับร้านชั้นนำของเมืองไทยเลยครับ และก็ใช้ บัตรเครดิตไม่ได้ด้วย ต้องเงินสดเท่านั้น อย่างที่ว่า คนมีตังค์ของพม่ายังต้องการที่ใช้เงินอีกมากครับ

ถ้าถามผมว่าจะไปทานดีไหม ผมว่าไปทานอาหารพม่า น่าจะเป็นทางเลือกทีดีกว่า สำหรับนักท่องเที่ยว เพราะอาหารฝรั่งเศสหรูๆ ดีๆ เช่นนี้ หาทานที่เมืองไทยก็ได้ครับ แถมราคาก็พอๆกันอีกต่างหาก  แต่ถ้าเทียบกับค่าแรงของคนที่นี่แล้วละก็ ร้านนี้ แพงสุดๆ ไปเลยครับ แต่ถ้าไปทานมื้อธุรกิจก็อาจพอหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองได้บ้าง (มั้ง)

Le Planteur , Yangon Myanmar
แล้วก็สุดท้ายของรีวิวนี้ คือโรงแรมที่พักครับ ครั้งนี้พักที่โรงแรม Chatrium Hotel Royal lake Yangon  ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเครือ Chatrium ของเจ้าสัวชาตรี แห่ง BBL  ( Link ไปยัง Chatrium Hotel Bangkok) ผมมีความเห็นว่าค่าที่พัก แพงขึ้นมากๆ เลยจากเมื่อก่อนครับ และก็ยังอุตส่าห์คนพักเยอะอีก  วันที่ผมไปพักนั้นได้เจอคณะ Miss Thailand Universe 2013 ก็มาพักที่ชาเตรียม  คุณธนา เธียร ก็พักที่นี่ ท่าทางมันฮิตไม่น้อยในหมู่คนไทยครับ

ผมเคยไปพม่าแค่สองครั้ง ครั้งแรกพักที่ Trader Hotel โรงแรมนั้นจะอยู่ใจกลางเมืองกว่านี้ ส่วน Chatrium นั้น แต่เดิมเป็นโรงแรมนิกโก้ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบย่างกุ้ง จากโรงแรมสามารถมองเห็นเจดีย์ชเวดากองได้

Chatrium Hotel Royal lake Yangon
 ที่พม่าตอนนี้ประสบปัญหามีตึกสำนักงานไม่เพียงพอ ทำให้บริษัทข้ามชาติหลายแห่งยังคงต้องไปเช่าโรงแรมเพื่อใช้เป็นที่ทำการ อยู่ซึ่งรวมทั้งที่ชาเตรียม ย่างกุ้งแห่งนี้ด้วย

มี ธนาคารกรุงเทพตั้งอยู่ภายใน
มองเห็นชเวดากอง อยู่ไม่ไกล ในรูปข้างล่างนี่คือขนาดจริง เท่าที่เห็นจากหน้าต่างห้องครับ ไม่ได้ zoom

Chatrium Hotel Royal lake Yangon

Chatrium Hotel Royal lake Yangon
 มีทีวีจอแบนแล้ว  ผมคาดว่าภายในห้องได้รับการรีโนเวตมาแล้ว

Chatrium Hotel Royal lake Yangon
 มีระเบียงเล็กๆ ที่ออกไปนั่งไม่ได้ และทางโรงแรมแจ้งว่าอย่าเปิดประตูเลย เพราะว่าแมลงจะเข้าห้อง

Chatrium Hotel Royal lake Yangon

Chatrium Hotel Royal lake Yangon

Chatrium Hotel Royal lake Yangon
 มุมมองจากหน้าต่าง

Chatrium Hotel Royal lake Yangon
ส่วนอาหารเช้าที่พม่า ห้ามพลาด โมฮิงกา ( Mo Hin Ga )  หน้าตาคล้ายขนมจีน แต่เขากินกันเป็นอาหารเช้า อาหารนี้ไม่ได้หากินได้ทั้งวันนะครับ

MoHinGa

Chatrium Hotel Royal lake Yangon
หมดแล้วครับ  ผมเชื่อว่าถ้าใครที่อ่านบทความนี้อย่างละเอียดตั้งแต่ต้น นับเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Ichiro 's blog อยู่เหมือนกัน  เพราะรีวิวทริปนี้ยาวมาก

ผมว่าตอนนี้คนกำลังเห่อ พม่า เห่อ AEC เหมือนกับสมัยที่เคยเห่อ Y2K เห่อ HIV เห่อหวัด 2009 อะไรอย่างนั้น  การไปพม่าไม่ใช่เรื่องยาก แต่ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการทำธุรกิจ  ประเทศเพิ่งเปิด นโยบายยังไม่ชัดเจน  ระบบธนาคารยังไม่มีความมั่นคง บัตรเครดิตยังใช้ไม่ได้กว้างขวาง ความรู้พื้นฐานของแรงงานก็ยังไม่มี  การเรียนการสอนก็ยังไม่ได้มาตรฐานสากล เรื่องเหล่านี้คงต้องใช้เวลาอีกสักพักครับ  แต่เมื่อถึงเวลานั้น ไม่แน่ในอนาคต เยาวชนไทยอาจจะฟังเพลง M-Pop  ( Myanmar Pop ) ก็เป็นได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น