วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รีวิวร้านอาหาร IZA Modern Japanese Cuisine, อิซ่า ที่ตึก Somerset ทองหล่อ

IZA Somerset ทองหล่อ
ผมเห็นมาได้สามสี่เดือนแล้วครับ ร้านนี้ ร้านอยู่ตรงข้าม market place ทองหล่อพอดี ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของอาคาร service apartment Somerset หากมองตอนกลางคืน มองจากข้างนอกร้านสวยน่านั่งดีครับ ก็เลยอยากลองไปดู  ร้านมีที่นั่งทั้งด้านในและด้านนอกครับ  ส่วนที่จอดรถนัั้น ก็ขึ้นไปจอดรถบนตึก หรือถ้ามีที่จะจอดรอบๆตึกที่ชั้นล่างก็พอได้บ้าง  แต่ไม่ค่อยมีหรอกครับ

สิ่งที่จะพบเมื่อเข้าร้านคือป้ายที่เขียนว่า Iza  ซึ่งเขาบอกว่าย่อมาจากคำว่า Izakaya หรือร้านดื่ม แบบญี่ปุ่นนั่นเอง ด้านล่างเขียนว่า sake คือมี สาเก และก็เขียนว่า waQ ก็คงจะพยายามหมายถึง วากิว หรือ เนื้อวัวญี่ปุ่นนั่นเอง ร้านนี้เป็นร้านในเครือ Loxley ครับ

หน้าร้าน Iza ทองหล่อ
 ร้านมีสองชั้นครับ และก็มีที่นั่งด้านนอกติดถนนหน้าร้านด้วย ซึ่งชั้น 1 เป็นโต๊ะแบบไม่มีช่องใส่เตา  ส่วนชั้น 2 จะมีช่องที่โต๊ะไว้สำหรับใส่เตาถ่าน ที่ใช้สำหรับทาน เนื้อย่าง (ยากินิคุ) คือถ้าจะทานยากินิคุ ต้องขึ้นไปที่ชั้นสองเท่านั้นครับ

counter ทำซูชิ ที่ชั้น 1
สีขาวๆที่ประดับอยู่ข้างผนัง เป็นถังสาเก แบบญี่ปุ่นครับ  ไปวัดที่ญี่ปุ่นก็เห็นถังๆ แบบนี้อยู่หน้าวัดเหมือนกัน เวลาคนเขามาทำบุญก็มาเป็นถังแบบนี้

ชั้น 1 ร้าน IZA

ชั้น 2 ร้าน IZA
สภาพบรรยากาศโดยรวม ok แล้ว แต่เพลงที่เปิดในร้านนั้น อาจจะไม่ค่อย ok นัก อาจจะยังไม่ลงตัว

ชั้น 2 ร้าน IZA

 จุดเด่นของร้านนี้น่าจะอยู่ที่อาหาร ที่เขามีการสร้างสรรค์เมนูขึ้นมาใหม่เอง ให้มีรูปร่างหน้าตา และรสชาติ ที่แปลกใหม่ออกไป  ดูรูปเลยครับ

ตัวแรกเป็น วาซาบิ มากุโร สลัด มันก็คือสลัดผักที่ใส่วาซาบิผสมลงไปในผัก ส่วนที่รอบๆคือปลาทูน่า ราคา 280 บาท

Wasabi Maguro Salad
ตัวที่สองนี่คือ กิว ทาทากิ หรือเนื้อวัวย่างเฉพาะตรงขอบๆ ตรงกลางมันยังดิบอยู่ ตัวนี้มากับน้ำจิ้ม สามแบบ  ตัวนี้ผมชอบครับ อันนี้ 180 บาท
Gyu Tataki
อันนี้ Twilight in Bangkok หน้าตาเหมือนพวก roll แต่ข้างในเป็นพล่าแบบไทยๆ ทานแล้วให้ความรู้สึก ประหลาดมากกว่าจะอร่อยในความคิดของผมนะครับ อันนี้ 280 บาท

Twilight in Bkk roll 
ถัดมาเป็น Mount Fuji ตัวภูเขาไฟฟจิ จริงๆมันคือ กุ้ง อยู่ในมายองเนส  ตัวนี้ผมว่าอร่อยดีครับ ราคา 280 บาท
Mount Fuji
อันนี้ Drunken Dragon น่าจะเป็นอาหารที่ภาคภูมิใจของที่นี่ หน้าตาเป็น roll มังกร จะเห็นว่ามีลิ้น กะ ตาของมันด้วย  ปกติหน้าตาแบบนี้มันจะจืดๆหน่อย  แต่นี่ไม่เลย ออกเผ็ดนิดๆเสียด้วยครับ  จานนี้ 380 บาท
Drunken Dragon
ต่อไปเป็นการทดลองกิน ยากินิคุดูบ้าง  เนื้อของที่นี่มีสี่ระดับ คือระดับ Ninja  ระดับ Samurai ระดับ Shogun และสุดท้ายคือระดับ Emperor 
รอบนี้ของที่ผมสั่งมาคือ เนื้อ Emperor Rip Eye และเนื้อ Emperor Strip loin  เพื่อไม่ให้ค้างคาใจว่าไม่ได้ทานแบบที่ดีที่สุดที่ร้านมีอยู่ครับ ตัวนี้ 750 บาท กับ 650 บาท ตามลำดับ  เนื้อย่างนี่รสชาติดีครับ แนะนำตัว Rip eye มากกว่า ( แต่จริงๆราคา แอบแพงนะครับ )

Emperor Rib Eye


Emperor Strip loin
ดูเครื่องดื่มกันบ้างครับ มีทั้งสาเก ทั้งอูเมชู มีเบียร์มี wine  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มีอย่างละไม่กี่แบบครับ และก็เป็นแบบ ทั่วๆไป  

เครื่องดื่มที่มีการนำเสนอที่น่าสนใจที่สุด คงจะเป็นอันนี้ สาเกบอม คือเอาสาเกมาวางบนเบียร์ แล้วก็ให้เคาะๆจน สาเกตกไปในเบียร์ มันจะเกิดฟองฟู่ขึ้นมา ให้ตื่นเต้นนิดนึง  จริงๆผมว่าเทไปดื้อๆ เลยง่ายกว่า และเกิดฟองเหมือนกัน  และแก้วก็ไม่จมในเบียร์ด้วยนะครับ ตัวนี้ 200 บาท


เบียร์ Yebisu มีให้เลือกสามแบบ ทั้งเขียวทั้งทอง ทั้งสีดำ แต่เขามาเป็นกระป๋องนะครับ  ( ผมขอกระป๋องเขามาตั้งเองแหละ) เบียร์นี้ 240 บาท
Yebisu 
 เหล้าบ๊วย มีให้เลือกอยู่ 4 แบบ
Ume Shu
 อันนี้เมนูเครื่องดื่ม ผมชอบสาเกมากที่สุดครับ ในเมนูอันนี้

สรุปครับ
ร้านนี้เป็นร้านที่ผมใช้คำว่ามีความพยายามมากๆ ในการให้เกิดความแตกต่าง และมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งสุนทรีในการรับประทาน แล้วแต่จะใช้คำอธิบายครับ  แต่ผมว่าอาหารบางอย่างมันก็รสออกมาแปลกเสียมากกว่าที่จะว่าอร่อย  แล้วก็ถ้าผมนึกถึง อิซากาย่า ผมจะนึกถึงอะไรที่ติดดินกว่า นี้ อาหารก็เป็นทั่วๆไป และเป็นจานเล็กๆไม่ใช่หรูหราอลังการแบบนี้

แล้วแถมยังมียากินิคุในร้านด้วยนะครับ  ร้านนี้เลยเป็นร้านที่ผสมผสานหลายอย่างจนผมไม่รู้ว่าจุดเด่นที่สุดของร้านจะอยู่ตรงไหนดี คงต้องให้คะแนนความตั้งใจละครับ
อ้อ ร้านนี้เป็นร้านที่ใช้บัตร citibank ลดราคาได้ สำหรับมื้อนี้ ผมได้ลดค่าอาหารไป 25% ครับ ค่าเครื่องดื่มไม่ลด

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รีวิวโรงแรม วีรันดา เชียงใหม่ , Veranda Chiangmai : The high resort

วีรันดา เชียงใหม่
ต่อเนื่องในทริปเชียงใหม่ ในเดือนพฤษภาคม 2554 นี้ ในทริปเดียวกัน ที่คืนแรกเราได้ไปพักที่ รติล้านนา
คืนที่สองนี่เราได้ไปพักที่ วีรันดา โรงแรมชื่อเดียว เจ้าของเดียว และผู้ออกแบบเดียวกันกับ วีรันดาที่หัวหิน นั่นเองครับ ( รีวิววีรันดาหัวหินของผมที่ I love to go ครับ)

โรงแรมในกลุ่มของวีรันดาเริ่มครั้งแรกมาจากที่หัวหิน โดยท่านผู้บริหารท่านหนึ่งจากกลุ่ม Major , Siam future และในปี 2009 วีรันดาที่เชียงใหม่แห่งนี้ ก็เปิดให้บริการครั้งแรก และล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ โรงแรมนี้ ได้เข้าอยู่ใน M Gallery Collection บูติกแบรนด์ ในเครือ Accor group ครับ โรงแรมนี้ถูกรีวิวโดยอาจารย์ชานไม้ชายเขาไปแล้วครับ และรูปที่ท่านถ่ายไว้ สวยงามมากจริงๆ เชิญติดตาม รีวิวของอาจารย์ชานไม้ได้ที่ ตาม link ครับ

โรงแรมวีรันดาอยู่ที่อำเภอหางดง ซึ่งถ้าเทียบกับโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ไปอยู่ตามหุบเขาแล้วโรงแรมอื่นแล้ว  ที่แห่งนี้ไม่ไกลจากตัวเมืองและตัวสนามบินเลย  โรงแรมห่างจากไนท์ซาฟารี ราว 10 กิโลเมตรเท่านั้น เพียงแต่ถนนที่เข้ามาเป็นทางสองเลนและวกวนไปบ้าง

เมื่อเข้ามาสิ่งที่พบเป็นอย่างแรกเมื่อ check in คือที่นี่ครับ

วีรันดาเชียงใหม่
 เข้ามาจะได้รับ welcome drink
welcome drink at Veranda Chaingmai
 lobby ที่นี่ให้ความรู้สึก กว้างใหญ่มาก ครับ ความรู้สึกอย่างแรกของผมเมื่อเดินเข้ามาที่นี่คือ โรงแรมนี้ออกแบบสวยจริงๆ สมกับที่ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามด้วย  ผมเข้าใจว่าที่วีรันดาชะอำกับที่เชียงใหม่นี้ ผู้ออกแบบเป็นสถาปนิกกลุ่มเดียวกัน นั้นคือ สถาปนิกจากสำนักงานสถาปนิกกรุงเทพ หรือ OBA นั่นเอง
Lobby วีรันดาเชียงใหม่
ว่ากันว่าที่หลังคาโค้งๆ ได้แนวคิดมาจากหนังเรื่องสุริโยทัย และที่นั่งที่โค้งๆใน Lobby นี่ ได้แนวคิดจากที่นั่งบนหลังช้างในสมัยโบราณ กันทีเดียว

Lobby วีรันดาเชียงใหม่
ห้องพักที่ได้มีโอกาสไปพักในคราวนี้คือห้องแบบ Plunge Pool Pavilion ที่อยู่ในกลุ่มของอาคารที่แยกออกไปจากห้องพัก Deluxe ซึ่งชั้นล่างจากเป็น Plunge Pool ชั้นบนเขาเรียก Jacuzzi Pavilion ห้อง Plunge Pool และ Jacuzzi Pavilion นั้น มีจำนวนเท่ากันคือมีอย่างละ 6 ห้องครับ เพราะมันอยู่ชั้นล่างชั้นบนของกันและกัน  ห้อง Plunge pool  (88 ตารางเมตรกับ ระเบียงอีก 45 ตารางเมตร) จะอยู่ชั้นล่าง มีขนาดใหญ่กว่า ห้องแบบ Jacuzzi ( 78 ตารางเมตร กับระเบียง 32 ตารางเมตร) ข้อแตกต่างหลักคือ ห้อง Jacuzzi นั้นปรับน้ำอุ่นได้    ราคาค่าเข้าพักของห้องสองแบบนี้เท่ากันครับ

ห้องที่ผมไปพักครั้งนี้คือห้องหมายเลข 911

ห้อง Plunge Pool 911
เจ้าตัวนี้ อยู่หน้าห้อง ที่นี่ไม่มีกระดิ่งไฟฟ้าครับ ใช้เป็นแบบนี้
กระดิ่งหน้าห้อง
 ในห้องมีเครื่องเล่น iPod ให้ มีที่ชงกาแฟอย่างดี มีชากาแฟชั้นดีหลายแบบเตรียมไว้ให้บริการฟรี  เครื่องดื่ม soft drink ในตู้เย็นทานได้ทุกอย่างไม่เสียตังค์ แต่ถ้าเปิดโซดาหรือพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องเสียตังค์เพิ่มครับ ส่วนที่ตรงทีวีมีเครื่องเล่น DVD ที่ต่อคาราโอเกะ ได้ด้วย แผ่น DVD สามารถไปขอยืมได้ที่ห้องสมุดที่อยู่ด้านล่างของ Lobby ครับ

เครื่องต่อ ipod ที่หัวเตียง
 Wifi มีให้ใช้ฟรีแต่ต้องขอ username กับ password จากที่ front ครับ
wifi มีให้ใช้ฟรี
แชมพู สบู่ ยานวด ของ Thann
 หมู่ตึก Pavilion มี 7 หลัง โดยที่เห็นอยู่ไกลสุดนั่นเรียกว่า President Pool Villa มีขนาดใหญ่ 420 ตารางเมตร
หมู่ตึก Pavilion 
 มองจากโซฟาออกไปจะเห็นสระ  ผมว่าที่นี่ควรจะติดม่านแบบตัดแสงก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะแสงจากด้านนอกเข้ามาเยอะมาก ทำให้มองไม่เห็นทีวีหรอก  แล้วอีกอย่าง ตอนเช้าๆ ขนาดปิดม่านทั้งสองชั้น ( มีม่านด้านนอก กับม่านที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน) แสงก็ยังเข้ามาได้ครับ เพราะม่านบางมาก

มุมมองจากโซฟา

เตียง 

ห้องน้ำขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอาบตรงไหนมองออกไปข้างนอกก็จะเห็นต้นไม้
ห้องน้ำ
แวะไปเยี่ยมห้องพัก แบบ Jacuzzi มาด้วยครับ  จะเห็นวิวชัดกว่า เพราะห้องข้างล่างต้นไม้บังวิวหมด 

วิวจากห้อง Jacuzzi Pavillion 
แล้วแต่ชอบครับ ใครใคร่อยู่แบบไหน ก็ได้ราคาเท่ากันแหละ
ห้องน้ำของห้อง Jacuzzi Pavilion
รูปนี้เป็นรูปอาคารของห้องพักแบบ Du luxe ที่มีอยู่ 56 ห้อง ขนาด 43 ตารางเมตร จะเห็นว่ามองออกมาจะเห็นกำแพงซึ่ง ทางสถาปนิกบอกว่าได้แรงบันดาลใจจากำแพงเมือง ในหนังเรื่องนเรศวร

กำแพงเมือง
ห้องอาหารเช้า และอาหารบ่ายนั้น มาทานได้ที่ห้องอาหาร Higher room ที่อยู่ติดสระน้ำ จริงๆแล้วการอยู่ติดกันแบบนี้ดูไปก็สวยงามดี แต่หากมีคนมาว่ายน้ำ คนทานข้าว กับคนว่ายน้ำ อาจจะรู้สึก ขัดใจซึ่งกันและกัน ก็เป็นได้ครับ

Higher room
 ผมชอบสระว่ายน้ำของที่นี่ มันเป็น infinity edge สองด้านทีเดียว  ว่ายแล้วเหมือนว่ายอยู่บนท้องฟ้า มองออกไปจะเห็นเมฆหมอกอยู่บนภูเขา ติดก็แต่ขอบของสระที่นี่คมมาก


ภายในห้องอาหาร Higher room


ห้องอาหารอีกที่คือระเบียงชา ซึ่งตรงนี้ใช้เป็นห้องอาหารสำหรับตอนเย็นและตอนกลางคืน และก็เป็น Bar ไปด้วยในยามค่ำคืน  เพียงแต่ว่าตรงนี้มันค่อนข้างไกลจากที่พักพอสมควร และที่นี่กลางคืนนั้น มืดมากครับ แต่ผมเข้าใจว่ากลางคืนเรียกรถกอล์ฟมารับส่งได้อยู่นะครับ เขาบริการตลอด 24 ชั่วโมง
ระเบียงชา
 อาหารขึ้นชื่อของระเบียงชา
ก๋วยเตี่ยวห่อลาบ

พิซซ่าแฮม
ห้องสมุดครับ สามารถยืมหนังสือ และหนังไปดูในห้องได้  อ้อ กิ๊ฟชอปของที่นี่ ของเก๋ๆดีครับ
ห้องสมุดและกิ๊ฟชอป
 พยายามตัดรูปไปเยอะแล้วก็ยังยาวทุกทีเลยนะครับ รีวิวโรงแรม  ผมชอบครับโรงแรมนี้ และอยากไปอีกครับ  ท่านที่จะไปพักควรทราบว่าที่นี่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติมาก ดังนั้นท่านจะต้องเจอกับแมลงเยอะสักหน่อยครับ


วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รีวิวโรงแรม รติล้านนา รีเวอร์ไซด์ เชียงใหม่ , Rati Lanna Riverside resort Chiang Mai "เสน่ห์ไร้ฤดูกาล"

รติล้านนา เชียงใหม่
เคยถามตัวเอง หรือถูกถามไหมครับว่า ภูเขากับทะเล ชอบไปเที่ยวที่ไหนมากกว่า หรือเคยถามตัวเองไหมครับว่า รีสอร์ตริมแม่น้ำ รีสอร์ตติดชายหาด หรือรีสอร์ต บนภูเขา ให้เลือกที่เดียวจะไปพักที่ไหนดีที่สุด  ถ้าผมนึกถึงรีสอร์ตริมแม่น้ำละก็ ผมจะนึกไปถึงแถวๆ อัมพวา หรือไม่ก็พวกริมน้ำตกที่กาญ ที่ราชบุรีไปโน่น  เพราะผมไม่เคยคิดว่ามาเชียงใหม่จะต้องเลือกมาพักที่ริมน้ำน่ะสิครับ  ครั้งนี้ได้มีโอกาสมาเชียงใหม่สองคืน โดยเป็นการขับรถเองอีกครั้งหนึ่งที่เชียงใหม่ ผมนึกว่าคืนแรกจะนอนที่ไหนก็ได้ เพราะปกติก็นอนในเมืองที่แถวๆไนท์บาซ่า    รอบนี้โรงแรมที่เข้ารอบสำหรับการพักในคืนแรก ก็คือ โรงแรม The Chedi และโรงแรมรติล้านนาแห่งนี้ ครับ เพราะทั้งสองติดแม่น้ำปิงทั้งคู่  เสียงแว่วจากผู้ติดต่อของโรงแรมอื่นบอกว่า "แน่ใจเหรอครับ น้ำปิงเอ่อล้นจนท่วมได้เหมือนกันนะครับ ฝนตกๆอยู่ด้วย"  แต่สุดท้ายก็เลือกโรงแรมนี้จนได้ครับ  เพราะอย่างว่า เราได้ราคาที่ดีมากๆทีเดียว

โรงแรมรติล้านนาแห่งนี้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง ไม่ห่างจากไนท์บาร์ซ่าเท่าใดนัก  แต่ข้อดีของการอยู่ห่างออกมาจากบริเวณย่านนั้น คือ คนไม่พลุกพล่านเลยแถวนี้  หรือคนที่มองอีกมุมอาจบอกว่าเดินไม่สะดวกก็ได้ อันนี้ก็แล้วแต่ว่าเราอยากได้อะไรจากการท่องเที่ยวครับ

โรงแรมนี้ไม่ใหม่ครับ แต่เดิมมันคือ โซฟิเทล นั่นเอง และภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเป็นรติล้านนา  โรงแรมมี 75 ห้องพัก อาคารมีความสูง สี่ชั้น กะชั้นล่างอีกชั้นหนึ่ง (ที่จริงๆมันก็ไม่ได้อยู่ใต้ดิน)  และโรงแรมถูกจัดอยู่ระดับ 5 ดาวครับ  โรงแรมได้รับรางวัลมากมาย หากไปถึงท่านก็จะเห็นป้ายประกาศเชิดชูเกียรติคุณของโรงแรมเองครับ :)

ทางเข้าโรงแรม

Lobby โรงแรม
ผมมีความเห็นว่า โรงแรมได้รับการตกแต่งภายนอกและภายในไปมากพอดู แต่บางอย่างก็ยังแสดงให้เห็นถึงว่า มันถูกสร้างมานานพอควรครับ

ห้องที่พักในครั้งนี้เป็นห้อง Deluxe suite ในชั้น 1 (มีแบบนี้ 17 ห้อง) ซึ่งติดกับห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม ที่เขาเรียกว่า Riverside Grand Suite ผมคิดว่าห้องยิ่งอยู่ชั้นบน ก็จะยิ่งเห็นวิวแม่น้ำได้ชัดขึ้น ส่วนชั้น 1 มีข้อดีคือมันติดกับสระว่ายน้ำ เดินไปนิดเดียวก็ถึงเลย

ห้องที่ผมพักถือว่าใหญ่มากนะครับ 120 ตารางเมตร  โรงแรมแห่งนี้ห้องที่เล็กที่สุดก็ขนาดตั้ง 68 ตารางเมตรเลยนะครับ โรงแรมใหม่ๆ ไม่ค่อยทำห้องใหญ่ๆ กันแล้ว ข้อดีข้อหนึ่งของการที่มันรีโนเวตมาอย่างหนึ่ง ก็คือเรื่องนี้แหละ

ภายในห้องนอน

ภายในห้องนอน

ห้องนั่งเล่น

อ่างล้างมือ

อ่างอาบน้ำ
ภายในห้องมีโทรทัศน์อยู่สามเครื่องคือในห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำก็มี  wifi มีทุกห้อง แต่ต้องแจ้งที่ front เพื่อให้เขาแจก username กับ password ให้ครับ


สิ่งที่ผมประทับใจที่แห่งนี้มากที่สุดคือ บาร์ในตอนกลางคืนของที่นี่ สวยงามครับ ตอนกลางคืนเขา light up   สระน้ำด้วย นั่งจิบเบียร์ริมแม่น้ำ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ  และที่นี่ก็คนไม่พลุกพล่านเลยนะ ขนาดไปวันหยุดยาว หรืออาจเป็นเพราะว่าไม่ใช่ season ของการไปเชียงใหม่ก็เป็นได้

ยามกลางคืนที่รติล้านนา

เรือหางแมงป่อง

รติล้านนา

รติล้านนา

รติล้านนา
อาหารเช้า ก็มาทานกันที่ริมน้ำตรงนี้  มีทั้งทานในห้องปรับอากาศ และนั่งด้านนอก  สำหรับอาหาร ก็ได้มาตรฐานโรงแรมห้าดาวครับ
ห้องอาหารที่รติล้านนา

ภายในห้องอาหาร

ห้องอาหาร
จริงๆ รูปเยอะกว่านี้อีกนะครับ  รีวิวโรงแรมทีไร ทำบทความออกมายาวมากๆ เลย คงไม่เขียนอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
โดยสรุปในความเห็นของผม รติล้านนาเหมาะสำหรับคนมานั่งๆนอนๆ ที่โรงแรม ไม่ต้องขวนขวายพยายามไปหาที่เที่ยวที่ไหน  หากมาพักเชียงใหม่ และอยากติดแม่น้ำ อยากได้ห้องใหญ่ๆ ราคาไม่แพงเว่อร์ รติล้านนานี่แหละ ต้องติดอยู่ใน choice อย่างแน่นอนครับ