วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รีวิวร้านอาหารเกาหลีทูดาริ ทองหล่อ 13 Tudari Korean Casual Dinning : Let's Happy Together

Tudari ทองหล่อ 13
ร้านอาหารเกาหลีทูดาริ ที่ซอยทองหล่อ 13 นี้ เพิ่งเปิดได้สองสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ครับ ซอยทองหล่อ 13 ก็คือซอยเดียวกับร้านลูกไก่ทอง หรือซอยที่ปากซอยเป็นร้านต้นเครื่องนั่นเองครับ
ร้านนี้เป็นร้าน Chain มาจากเกาหลี ดูใน web ได้ครับ ที่นี่ http://www.tudari.co.kr/eng/main.php







ร้านตั้งอยู่ในอาคารที่เพิ่งสร้างใหม่ ซึ่งมีที่จอดรถอยู่ไม่มาก อาจมีปัญหาไม่มีที่จอดรถได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราอาจจอดที่ J-Avenue แล้วเดินมาก็พอจะได้มั้งครับ

สำหรับการไปในครั้งนี้ เราได้รับการต้อนรับจากผู้จัดการอย่างดีมาก สิ่งที่ผมสังเกตได้จากวันนี้คือ ร้านทั้งร้านมีคนนั่งอยู่แค่ 4 โต๊ะเท่านั้นเอง ทั้งๆที่บรรยากาศ อาหาร จัดอยู่ในระดับดี และราคานั้นก็ไม่แพง และที่สำคัญ ทางร้านเขารู้จักทำอะไรให้ "เหนือความคาดหมาย" ของลูกค้า ด้วยการมีของบริการเป็นพิเศษเมื่อทานเสร็จเป็นไอศกรีม potato เกาหลีครับ

บรรยายด้วยรูปเหมือนทุกครั้งครับ บรรกาศภายใน และนอกร้าน
บรรยากาศภายในร้าน Tudari ทองหล่อ 13

ด้านหน้าร้าน Tudari ทองหล่อ 13
อาหารที่สั่ง ไม่มากมายนักมีแค่ที่เห็นตามรูปครับ สำหรับผมคิดว่าอร่อยนะครับ อร่อยทุกอย่างที่สั่ง

ไก่ผัดเผ็ดอบชีส

Tsukune (ไก่เบอร์เกอร์) @ Tudari

บิบินบะ @ Tudari ทองหล่อ 13


คงไม่เขียนบรรยายประวัติศาสตร์อะไรกันมากสำหรับการรีวิวของผมนะครับ ว่าจะอธิบายอยู่เหมือนกัน แต่หากผมไม่รู้จริงซะเอง คนอ่านเกิดเชื่อขึ้นมาจะกลายเป็นความเข้าใจทีผิดๆไปได้ ผมจึงยึดหลักบรรยายด้วยภาพ และเขียนเท่าที่รู้เสมอมาครับ  ร้านนี้มี โซจู ด้วยนะครับ แต่มีแค่แบบเดียวเอง
โซจู ที่ Tudari


ไอศกรีม เป็นของแถม
 ร้านนี้เพิ่งเปิดที่ไทยได้ไม่นาน และเป็นร้านที่มาจากเกาหลีต้นตำหรับเองครับ หากต้องการร้านอาหารเกาหลีแท้ๆ อร่อยๆสักที่ ที่ราคาไม่แพงแล้วละก็ เก็บร้านทูดาริ ทองหล่อ 13 ไว้เป็นหนึ่งในทางเลือกได้เลยครับ


วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Gyu Koku at CDC กิวโกกุ ร้าน ยากินิคุ ที่ CDC เลียบทางด่วนเอกมัยรามอินทรา

CDC เปิดโซนใหม่ คือโซนของห้าง Max Value ครับที่โซนนี้ มีร้านอาหารเปิดใหม่หลายร้านเลยครับ ด้านล่างมีร้าน คริสตัลๆ อะไรนี่แหละคนเยอะเหมือนกัน ส่วนวันนี้ร้านที่จะพาไปทดลองชิมกันคือร้าน ยากินิคุ กิวโกกุ ที่อยู่ที่ชั้นสองครับ หากเดินมาจากที่ีจอดรถ ก็เดินขึ้นบันไดหลังเวทีไป จะเจอร้านชาบูชาบู กับร้านยากินิคุ Gyu koku ร้านนี้ อ้อ คำว่า ยากินิคุ แปลว่าเนื้อย่าง ในภาษาญี่ปุ่นครับ  ยากิแปลว่าย่าง นิคุ แปลว่าเนื้อครับ

เมื่อเดินขึ้นมาจะพบกับร้านชาบูชาบูก่อน พอมองขวาต่อไป จะเห็นร้าน Gyu Koku ที่ว่านี่

ลานกิจกรรม CDC

ร้านชาบูโยชิ อยู่ติดกัน

หน้าร้าน Gyu Koku
ให้ผมเดาความหมายของคำว่า Gyu Koku ซึ่งเป็นชื่อของร้านนี้น่าจะหมายถึง อาณาจักรของเนื้อ มั้งครับ Gyu แปลว่าเนื้อ Koku แปลว่า ประเทศ เนื่องจากหาไม่เจอว่าร้านเขียนชื่อเป็นตัวคันจิไว้ตรงไหน ผมเลยเดาเอาว่า คงเป็นคันจิ ตัวนั้นแหละครับ  ร้าน Gyu Koku ไม่ใหญ่มาก และเนื่องจากเป็น บุฟเฟ่ให้ทานได้ 1.5 ชั่วโมงในราคา 399 บาทสำหรับผู้ใหญ่ ทำให้อาจต้องรอคิวครับ เพราะว่าคนมักจะนั่งทานให้ "คุ้ม" คือทานกันจนหมดเวลานั่นแหละ

เมนู ของร้าน Gyu Koku

เมนู

บรรยากาศภายในร้าน Gyu Koku
ในวันที่ผมไปนั้น ได้เจอแม่นางท่านนึง เธอใส่เสื้อเกาะอก กะผ้าคลุมไหล่หลุย วิตอง มาทานที่ร้านเนื้อย่างนี้กับแฟนของเธอ ผมนับถือจิตใจของแม่นางมากที่ทำเช่นนั้น ในขณะที่ฝ่ายชายท่านมาในชุดกางเกงขาสั้น เหมือนอยู่บ้าน หรือเหมือนเตรียมมาทานยากินิคุโดยเฉพาะ อันนี้ก็ไม่ทราบได้ว่าอย่างไร แต่ผมมีความเห็นว่าร้านแบบนี้ไม่เหมาะจะพาแฟนที่เพิ่งรู้จัก ไป dinner สักเท่าใดหรอกครับ

ส่วนรายการอาหารนั้นก็ดูตาม รูปนะครับ มีเนื้อแกะ เนื้อวัวที่เขาบอกว่ามาจาก ออสเตรเลีย หากดูรูปที่ผมแปะให้ดูนั้น ก็จะพบว่ามันก็เนื้อธรรมดาๆ นี่แหละครับ ไม่ใช่เนื้อโกเบ หรือมัซซึซากะ ที่มีไขมันกระจายอยู่ทั่วไปแต่อย่างใด  และผมคิดว่าเนื้อแบบนี้แหละที่เหมาะจะมาทำยากินิคุ  เพราะว่า ถ้าเอาเนื้อดีๆมาให้ผู้บริโภคปิ้งกันเอง คงทำเนื้อดีๆ เสียหมด  ผมว่าไปทำเทปันยากิจะดีกว่า

น้ำจิ้มมีสองแบบ

ร้านนี้เตาปิ้งเป็นเตาถ่านครับ และมีที่ดูดควัน ผมเห็นหลายคนชอบเอายากินิคุไปเทียบกับ เนื้อย่างโพนยางคำ  มันก็คล้ายกันครับ แต่เป็นของคนละอย่าง ก็เหมือนเอาส้มไปเทียบกับ แอปเปิ้ล บางคนก็ชอบกินส้ม ไม่กินแอปเปิ้ล แต่มันเป็นของคนละอย่างกันอย่าเอาไปเทียบกันมั่วๆ แบบนั้น มันต้อง เทียบยากินิคุ กับยากินิคุ ด้วยกันนะครับ

เตาย่างเป็นเตาถ่านพร้อม ที่ดูดควัน


ของหวาน รวมอยู่ในชุด
ถ้าถามผมว่าร้านนี้อร่อยไหม ผมอยากบอกว่า " ก็ดี" อะครับ ตัวผมนั้นไม่เน้นกินอะไรจน "คุ้ม" ผมทานแต่พอดี ร้านนี้ในราคา 399 บาท แบบเหมาเขาก็รวมของหวานด้วย  ในวันนั้นผมใช้เวลาทานเพียง 45 นาที จากเวลาที่เขาให้ไว้ 1 ชั่วโมงครึ่ง พอผมทานอิ่มแล้วผมก็ออกมา  เรื่องแบบนี้ นานาจิตตัง ครับ ในทุกๆรีวิวของผมก็บอกอยู่เสมอๆว่าไม่ได้พยายามตั้งตัวเป็น " กูรู" แต่ประการใด ก็เขียนแบบที่ คิดนั่นแหละ

สำหรับความเห็นของคนรอบข้างผมและเพื่อนๆแล้ว บางคนก็บอกว่าดี บางคนก็บอกงั้นๆ ส่วนผมคงมีความเห็นว่า ร้านนี้คงยังไม่ใช่ ที่สุดของ ยากินุคุ ที่ควรจะเป็น แต่ก็ไม่ถึงขนาดสอบตกจนต้องไล่ให้ไปสอบใหม่อะครับ ถือว่าใช้ได้   แต่อย่าพาแฟนไป dinner เลยนะครับ มันผิดที่ผิดทางไปหน่อย

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รีวิว Bankara Ramen @ Sukumvit 39 (บังคาร่า ราเมง)

เก็บไว้หลายวันไม่ได้นำมาเขียน เพราะเคยเขียนรีวิวร้านแห่งนี้ไปแล้ว ครั้งหนึ่งเมื่อสองปีก่อน และเชื่อไหมครับ สองปีหลังจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ผมยังไม่เจอร้านราเมงร้านไหนในเมืองไทยที่ผมคิดว่า อร่อยและเป็นราเมง แบบที่มันควรจะเป็นจริงๆ เท่าร้านบังคาร่า ราเมงแห่งนี้เลย อย่าไปยึดติดกับคำว่า Tv champion มากครับ ร้านมากมายที่ได้ TV Champion แล้วมันไม่อร่อย ไม่เชื่อลองไปทานเอง จิ  :P

ในที่สุด เราก็ "หากันจนเจอ" คือคำอุทานที่ผมใช้ในการเขียน รีวิวเกี่ยวกับร้านนี้ในครั้งก่อนนั้น และครั้งนี้ คงต้องใช้คำว่า " ฉันจะไม่เปลี่ยนใจจากเธอ"  ให้กับร้านบังคาร่าราเมงครับ  ร้านตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิทย์ 39 หากเข้ามาจากด้านเพชรบุรี ก็ไปตามทาง พอถึงไฟแดงตรงร้าน โลเปร่า ก็ตรงไปอีก ร้านจะอยู่ทางซ้าย ตรงเวิ้ง The Manor ครับ  เมื่อครั้งที่ผมไปครั้งก่อนเคยมีร้านอาหารไทยอยู่ที่เวิ้งนี้ด้วย แต่ตอนนี้ ร้านอาหารไทยร้านนั้น ไปซะแล้ว ในขณะที่ บังคาร่า ราเมงยังอยู่ และก็คนเยอะด้วย

ร้านราเมงอีกร้านที่ผมคิดว่าอร่อยคือร้าน ยามาโกย่า ราเมงครับ  เวลาทานราเมง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ราเมงไม่ใช่ก๋วยเตี่ยว ราเมงเป็นอาหารจากจีนที่ญี่ปุ่น import เข้ามา จะเห็นจากที่การที่คำว่าราเมงนั้น เขาเขียนด้วยตัว คาตาคานะ  ซึ่งอักษร คาตาคานะเนี่ย เป็นอักษรที่ใช้เขียนสำครับ คำที่มาจากภาษาต่างประเทศ  ดังนั้น ราเมงเอง ก็ไม่ใช่ของญี่ปุ่นโดยแท้



ภายในร้านบังคาร่าราเมง

ภายในร้านบังคาร่าราเมง

ด้านหน้าร้านบังคาร่าราเมง
ราเมงแต่ละเจ้า จะมีความแตกต่างกันหลักๆ ที่น้ำซุป ซึ่งซุปเนี่ย ก็มีหลากหลายแบบ ตามแต่ที่เจ้าของสูตรของแต่ละร้านจะสรรหามาได้  แต่ผมเข้าใจว่าส่วนใหญ่คงมีไม่กี่แบบ ได้แก่ น้ำซุปกระดูกหมู  น้ำซุปมิโซ น้ำซุปโชยุ น้ำซุปจากปลา อะไรพวกนี้นะครับ  แต่ความข้นของมันนี่แหละที่ทำให้มันอร่อย และความข้นนี้เองที่มันทำให้เลี่ยน และหลายๆคนก็พาล จะไม่ชอบเอาได้

อ่านตามชื่อที่เขียนอยู่หน้าปก เมนูเลย  เขาเขียนว่าบังคาร่าราเมง โตเกียวราเมง ซุปกระดูกหมูครับ ดังนั้นอย่าหวังจะมีน้ำซุปปลา  น้ำซุปราเมงของร้านนี้หลักๆมีน้ำซุปอยู่สามแบบ คือ แบบบังคาร่า ก็คือ แบบข้นๆ อะครับ ทำจากซุปกระดูกหมู ในหน้าเดียวกันนี้เขาให้เลือกได้ว่าจะเอาซุปแบบข้นปกติ หรือแบบข้นน้อยกว่าปกติ ( เรียกว่า อัสสาริ )

เปิดเมนูต่อมาอีกหน้า จะเป็นซุปหมูมันข้นขึ้นไปอีก เขาเรียกว่า มิโซบูตะ  คือ ซุปมิโซ กะมันหมู ในเมนูเขียนว่า กินแล้วมีคอลล่าเจน บำรุงให้ผิวพรรณงดงาม ซึ่งบางท่านอาจว่าทานแล้วจะอ้วนก็เป็นได้  ส่วนหน้าถัดไป เป็นราเมง แบบจิ้มจุ่ม คือมีซุปแยกออกมาจากเส้นเมง  เรียกว่า ซึเค เมง ไม่ว่าจะเป็นราเมงแบบไหน เราก็เลือกใส่ Topping ได้ 7 แบบครับ  ของขึ้นชื่อของร้านนี้คือ หมูสามชั้นต้มนั่นแหละ ลองเอามาใส่ดู  ส่วนไข่ก็มีสองแบบคือไข่มะตูม กับไข่ลวกครับ  แล้วแต่ชอบ

บังคาร่าราเมง

ข้าวหน้าหมูสามชั้น
ไข่ลวก

ไข่ยางมะตูม
ปัจจุบัน ร้านนี้มี wifi ให้ใช้ฟรีแล้ว และข้อควรระวังคือถ้าไปเที่ยงๆ จะต้องต่อคิวค่อนข้างแน่นอน ส่วนเรื่องสุดท้ายควรรู้ คือราเมง มีความข้นมันสูงมาก จะอาจเลี่ยนได้ หากไม่ชินลองเริ่มที่ อัสสาริ ก่อนนะครับ

สุดท้ายนี้ ในความเห็นของผมนั้นจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีร้านราเมงร้านไหนในกรุงเทพ ที่ผมให้คำนิยามว่า เป็นราเมงของญี่ปุ่นแท้ๆ ไม่ใช่ราเมง แบบปรับสูตรให้เข้ากับเมืองไทย เหมือนกับร้านบังคาร่าราเมงแห่งนี้เลยครับ  ส่วนเรื่องความอร่อยหรือไม่นั้น คงต้องขึ้นกับความชอบของแต่ละบุคคลแล้วละ ผมคงไปคิดแทนคนอื่นไม่ได้   แต่สำหรับผมแล้ว  " อร่อยครับ"

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รีวิว ร้าน Beccofino ทองหล่อ ข้าง Market place

Beccofino ร้านอาหารอิตาเลียน ริมถนนทองหล่อเลยครับ อยู่ติดๆ กับ Market place หรือ ตรงข้ามเยื้องๆ กับ Somerset นั่นเอง ร้านนี้บรรยากาศดีมาก แต่งเหมือนโรงแรมเลยครับ

ร้านนี้เป็นร้านที่มี chef เป็นคนอิตาเลี่ยน ชื่อคุณ Angelo Rottoli และมีพนักงานในร้านหลายท่านเลย ที่เป็นชาวต่างชาติ ส่วนในวันที่ไปนี้ คนที่มากินในร้านทั้งร้าน ก็เป็นชาวต่างชาติล้วนครับ คือเป็นคนญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ผมเข้าใจว่าร้านนี้คงลงในหนังสือของญี่ปุ่น อะไรสักอย่าง



หน้าร้าน Beccofino

อ่างล้างมือในห้องน้ำ

ภายในร้าน Beccofino
บรรยากาศภายในร้านถือว่า OK มาก ประกอบกับร้านนี้ห้องส่วนตัวถึงสี่ห้องครับ และ wine list ให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ พันกว่าบาท ถึงสองหมื่นกว่าบาท ก็พอที่จะกลบความที่อาหารของมันไม่อร่อยมากนัก ยิ่งถ้าไปเทียบกับร้าน wine connection หรือ wine I love you แล้วละก็ ร้านนี้ ห่างไกล กับสองร้านนั้นมากนัก  อย่างไรก็ตาม ไหนๆ ก็ไหนๆ เอามาฝากครับ เผื่อผ่านไปแถวนั้น อยากจะลอง

Rubizzo Chianti Colli Senesi ปี 2008

wine list
ส่วนด้านล่างนี้คืออาหารครับ อาหารแนะนำเป็น King crab ที่ทำได้หลายอย่าง รอบนี้ทางร้านแนะนำ ให้ทำใส่เส้น Fettuccine กับหมึกของปลาหมึกครับ ส่วนอาหารที่ผมว่า Ok ก็ คือ ตัว Carpaciio นี่แหละ ตัวนี้เขาแนะนำเช่นกัน สองอย่างนี้ผมว่า Ok นะ  อย่างว่าครับ อาหารไม่อยู่ในขั้น อร่อยมากๆ จนต้องมาชิมหรอกครับ ดูรูปกันเลย

Panne Cabonara 

ขนมปังฟรี ทานรออาหาร

Fettuccine King Crab

Lasagna Spinach

Pan fried duck liver

Carpaccio Tuna

รวบรัดตัดความ การที่ผม รีวิวร้านหลายๆร้านเข้า มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกอร่อย รู้สึกดีกับอะไรได้ยากขึ้นเหมือนกัน ส่วนร้านนี้นั้น แม้จะอยู่ข้างถนน แต่ก็แต่งสวยทั้งในทั้งนอกร้าน บรรยากาศดี และมีห้องส่วนตัว และ มี wine ชั้นเลิศ แต่อาหารนี่สิ อยากให้ทำได้ดีกว่านี้จังครับ 

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รีวิวร้านอาหาร Wine I love You Bar & Bistro ที่ CDC

ถึงคิวของร้านนี้สักทีใน series ของร้านอาหารที่มีคำว่า Wine อยู่ในชื่อ คือร้าน Wine 33 ร้าน Wine Connection และร้านสุดท้ายร้านนี้ Wine I Love you Bar & Bistro ที่ CDC ครับ


Menu ร้าน Wine I love you

เนื่องจากร้านนี้ถูกรีวิวเป็นร้านสุดท้ายใน series นี้ ทำให้เมื่อย้อนคิดทบทวนแล้ว จริงๆ ร้าน Wine Connection กับร้าน Wine 33 หรือร้านนี้เอง เขามีดีคนละอย่าง ลูกค้าก็อาจเป็นคนละกลุ่ม ส่วนร้าน wine 33 เอง ก็อาจอยู่ผิดที่ผิดทางก็เป็นไปได้ครับ

ร้าน Wine connection กับ wine I love you มีส่วนใกล้เคียงกันอยู่คือสองร้านนี้อาหารอร่อย ราคาก็ไม่แพง บรรยากาศก็ดี ผมว่ามันเหมาะมากกับคนทำงานที่มานั่งทานกันหลังเลิกงาน หรือมากันในหมู่เพื่อนฝูงอย่างนั้น  แม้จะมีชื่อว่า Wine I love you ก็ตาม แต่ราคา Wine ที่นี่อยู่ระหว่าง 680 บาท ถึงแพงที่สุด 1950 บาท เท่านั้น ในขณะที่ร้าน Wine 33 นั้น ราคา Wine แพงสุด เป็นขวดละเกิน หมื่นบาท ผมไม่แปลกใจที่ร้าน Wine I love You หรือ Wine Connection จะมีคนมากกว่าร้าน Wine 33 ร้าน Wine 33 เอง ไม่ใช่ไม่ดี แต่ทำเลที่ตั้งของร้านที่มีลักษณะเช่นนี้มักจะอยู่ในโรงแรมมากกว่าที่จะอยู่ในย่านทำงานเช่นนี้

ที่ผมบอกว่าร้าน Wine I love You นั้น ไม่แพง เพราะเหตุนี้ครับ การรีวิวรอบนี้ ใช้ wine ไปสามขวดในการรีวิว กับอาหารมากมายที่ถ่ายรูปมา และจะได้ชมรูปกันต่อไปนี้ ทั้งหมดนี้ 6850 บาท เท่านั้น ครับ เฉพาะ wine ก็ จะสี่พันบาทแล้วนะ

Sesame Tuna

Foie Gras Salad with blackberry sauce

Lamb I love You


Sirloin topped with foie gras
ที่จริงแล้วอาหารไม่ใช่มีอาหารเฉพาะที่เป็นอาหารฝรั่งเท่านั้นนะครับ อาหารแบบผสมผสานระหว่างไทยกับตะวันตกก็มีหลายอย่าง เช่นพวกลาบที่อาหารทะเลต่างๆก็มี เพียงแต่ไม่ได้สั่งเท่านั้นเอง

ทีนี้ไปดู wine กันบ้าง ตอนผมไปผมถามหา wine lists ก็ได้รับคำตอบมาว่า ไม่มีครับ wine lists ให้เดินไปเลือกเอาจากตู้เอาเลย ซึ่งราคา wine นั้น ก็อย่างว่าครับ แพงสุด 1950 บาท สำหรับรอบนี้ wine ที่เราสั่งกันมีสามขวดดังนี้ ดูชื่อเอาที่รูปเลยครับ

Negroamaro Salento Vintage 2008 จาก Italy

Chateau Mouliat 2008 ของฝรั่งเศส

Silva จาก Chile
ในการสั่ง wine จากร้านพวกประมาณนี้ หลายครั้งที่เราจะพบว่าการหลีกเลี่ยง wine ฝรั่งเศสขวดที่ถูก น่าจะเป็นความคิดที่ดี อย่างในรูปนี้ ตัวที่ผมคิดว่าคุ้มค่าในการสั่งที่สุดสำหรับการดื่มทั่วๆไปคือตัว สุดท้ายจาก ชิลี นั้นเอง  ราคาของ wine ในไทย แปรผันตามผู้นำเข้า กับว่าไปวางที่ร้านไหน สำหรับ Silva ตัวนี้ นำเข้าโดยค่าย corner stone นั่นเอง และผมคิดว่า ขายถูกกว่าวางที่อื่นครับ

รอบนี้บรรยากาศร้านยังไม่ได้ดูกันเลย เพื่อนผมบางคนบอกว่า หากดื่มๆ ไปเมาแล้วเผลอ ๆ อาจนึกว่าเรากำลังนั่งดื่มอยู่ในประเทศอังกฤษเลย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเหมือนหรือเปล่านะครับ แต่ร้านก็สวย บรรยากาศดี มีที่นั่งทั้งในและนอก และร้านก็ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป

ร้าน Wine I love you

ร้าน Wine I love you
ร้าน Wine I love you
ร้านนี้อาหารอร่อย บรรยากาศดี ราคาไม่แพง wine ราคาสมเหตุสมผล และร้านตั้งอยู่ในทำเลยที่ดี ผมไม่แปลกใจเลยว่าร้านนี้จะดัง ส่วนถ้าถามว่าสามร้าน wine ร้านไหนดีสุด ก็ท่านชอบร้านไหนก็ไปร้านนั้นได้เลยครับ ตามอัธยาศัย ของคนละอย่างกันเราไม่นำมาเปรียบเทียบกัน ผมชอบครับ ดีทั้งสามร้านแหละครับ

(เพิ่มเติม 7/2/2555 ร้านเครือญาติของ wine I love you Chocolate Ville มาแล้วครับ)