วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทริปญี่ปุ่น 2012 ตอนที่ 1 : ชิบูย่า , Shibuya Excel Hotel Tokyo, Kanidouraku , Tsugiji

Shibuya, Tokyo
สามรีวิวต่อจากนี้จะเป็นการรีวิว ทริปญี่ปุ่นสามอันต่อกันเลยครับ  แม้ผมจะเป็นนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเที่ยวญี่ปุ่น หรือเชี่ยวชาญเรื่องประเทศญี่ปุ่นแต่อย่างใด เหมือนกับที่ผมเป็นคนกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรู้จักและเชี่ยวชาญในการเที่ยวในกรุงเทพฯ อย่างถูกต้อง อย่างไรก็อย่างนั้นครับ

ครั้งนี้ก็เหมือนทุกครั้งที่ไปญี่ปุ่นก็จะไปเองโดยไม่ได้ไปกับทัวร์ เพราะว่าเรารู้สึกดีกว่าที่จะเลือกไปผจญภัยเอาเองครับ  ครั้งนี้ทริปเริ่มจากโตเกียว แล้วก็ไปเยี่ยมญาติที่เกียวโต หลังจากนั้นก็เดินทางไปโอซาก้า เพื่อเดินทางกลับ   ผมขอเล่าจากที่ประสบมาก็แล้วกันนะครับ

ผมคิดเอาเองว่าการเดินทางจากนาริตะ มาที่ตัวเมืองโตเกียวนั้น วิธีที่สะดวกที่สุด หากเรามีกระเป๋าเยอะๆ ก็คือ การนั่งรถบัสครับ ซึ่งรถบัสจากนาริตะมาที่ชิบูย่า (มาส่งถึงโรงแรม) ก็ตกคนละ 3000 เยนครับ ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะสะดวกและราคา ok ที่สุด

ครั้งนี้พักที่ Shibuya excel Hotel Tokyo  ( http://www.tokyuhotelsjapan.com/en/TE/TE_SHIBU/index.html ) ซึ่งผมไปพักที่นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว โรงแรมนี้อยู่ตรงสถานีชิบูย่าพอดี ที่ห้าแยกชิบูย่านี่ เป็นแยกที่คึกคักตลอดเวลาแม้ยามดึกดื่นครับ  คงเหมาะกับคนที่ชอบแสงสียามราตรี และชอบดูหนุ่มสาวญี่ปุ่นเดินไปมากันควักไขว่ ที่ชิบูย่า นี่ห่างจากฮาราจูกุ นิดเดียวเอง  ข้อเสียของที่นี่คือมันห่างจากสถานีรถไฟโตเกียวราว 20 นาทีรถไฟได้  หากขนของเยอะๆ ขึ้นรถไฟไปที่สถานีโตเกียว อาจทำให้เกิดความลำบากได้ครับ  และผมคิดว่าครั้งหน้าถ้าผมไปอีกผมคงจะนอนแถวๆกินซ่า หรือที่สถานีโตเกียวไปเลย เพื่อความสะดวกในการเดินทางต่อ  อ้อแล้วทำไมผมถึงเลือกนอนที่นี่ก็ตอบได้ง่ายมาก ก็คือราคามันไม่แพงมากครับ สำหรับโรงแรมระดับเดียวกันนี้  เดินทางก็ถือว่าสะดวกนะ แล้วร้านแถวนี้ก็เยอะมากๆด้วย  มีปัญหาแค่ตอนต้องขนของเยอะๆขึ้นรถไป

Shibuya, Tokyo

Shibuya, Tokyo
มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นผู้คนเดินกันขวักไขว่
Shibuya excel hotel Tokyo
 ห้องน้ำแบบนี้ถือว่าใหญ่เหมือนกันสำหรับประเทศญี่ปุ่น
Shibuya excel hotel Tokyo
 ตู้กดมีทุกชั้น
Shibuya excel hotel Tokyo
 วิวจากหน้าต่าง เห็นคนเดินเหมือนมด
Shibuya excel hotel Tokyo
อาหารเช้าของโรงแรมนี้ อยู่ชั้นที่ 25 ครับ เห็นวิวเมืองโตเกียวได้สวยงามทีเดียว  ห้องอาหารมีสองห้อง ห้องหนึ่งเป็นห้องอาหารนานาชาติ ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นห้องอาหารญี่ปุ่น ซึ่งแขกสามารถเลือกไปห้องไหนก็ได้  ที่ห้องอาหารญี่ปุ่นอาหารจะมาเป็น set เลย เลือกไม่ได้

ชุดแรกเป็นรูปอาหารเช้าจากห้องอาหารญี่ปุ่น มาเป็น set เลย

อาหารเช้าจากห้องอาหารญี่ปุ่น

 ขาดไม่ได้ คือนัตโต แต่ไม่มีใน set อีก และคิดเงินเพิ่มด้วย
ไปญี่ปุ่นทานกับทุกวัน  เพื่อนญี่ปุ่นบอกว่านัตโต มีวิตามินที่ทำให้สมองฉลาด เหตุผลที่คนญี่ปุ่นได้รับโนเบลก็คือเพราะทานนัตโต ผมเลยเชื่อเพื่อนมาตั้งแต่สมัยเรียน  และก็ทานจนถึงปัจจุบันนี้  ผมว่ามันก็อร่อยดี

Natto
ห้องอาหารนานาชาติ  จะอยู่อีกด้านหนึ่งของตึก แต่ชั้นเดียวกัน  คือจะเห็นวิวคนละด้าน  ผมชอบห้องอาหารนานาชาติมากกว่า มันมีอาหารญี่ปุ่นด้วย และห้องนี้นัตโต ก็มีเรียงอยู่ในถาดให้หยิบได้อยู่แล้วด้วยครับ ไม่ต้องสั่งเพิ่ม

ห้องอาหารนานาชาติ

ห้องอาหารนานาชาติ
ที่แถวๆโรงแรมคือมันเป็นย่านชิบูย่าอยู่แล้ว ดังนั้นร้านอาหารเพียบครับ  และครั้งนี้เราเลือกที่จะไปทานที่ร้านปู ร้าน Kanidouraku ซึ่งเป็นร้านที่ทำอาหารที่มาจากปูญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปูน้ำเย็น โดยเฉพาะ   ผมมีความหลังกับร้านปูนี้ เมื่อสมัยเรียนนั้น ไม่มีเงินพอที่จะกินอาหารเหล่านี้ได้  เคยไปทานร้านปูครั้งหนึ่งที่ฮอกไกโด สมัยเรียน ก็ต้องสั่งแต่ของถูกๆ และกินได้ไม่สมใจอยาก  เพราะเราไม่มีเงินมากครับ  ก็เลยตั้งใจตั้งแต่เมื่อก่อนว่า ถ้าเรามีตังค์บ้างแล้ว เราจะกลับมาแก้แค้น กินให้หายอยากกับร้านพวกนี้ให้ได้  ก็เลยเลือกร้านนี้เป็นร้านแรกครับ  คานิโดราคุ

(จริงๆ ร้านที่อยากจะแก้แค้นนั้นคือ http://www.kani-honke.jp/e/  แต่มันไม่มีที่แถวนี้ครับ ต้องไปฮอกไกโด)

kanidouraku
เมนูครับ

Kani douraku

Kani douraku
 ช่วงนี้มีเทศกาลปูขนอยู่ด้วย
Kani douraku
จัดไปให้หายอยาก ปูซูชิ ปูนึ่ง ปูเผา ปูซาชิมิ ปูเทปูระ ปูนาเปะ ครับ

Kani douraku

Kani douraku
 ปูขน
Kani douraku

Kani douraku

Kani douraku
 ปูซาชิมิ
Kani douraku

Kani douraku


Kani douraku


 ผมชอบปูเผามากที่สุด
Kani douraku

Kani douraku

Kani douraku


Kani douraku

Kani douraku
ถ้าไปญี่ปุ่น นี่ผมว่าน่าจะหาโอกาสไปลองทานร้านปูพวกนี้ดูนะครับ  แล้วก็ราเมงแท้ๆ ที่ญี่ปุ่นมีที่อร่อยกว่าเมืองไทย หลายร้านเยอะแยะมากนะครับ  อย่ามัวเสียเวลาไปทานโมโม่พาราไดซ์ หรือพวกอาหารบุฟเฟ่ต์ อยู่เลย ผมว่า อุตส่าห์บินไปตั้งไกลแล้วนา

อีกคืนพักที่เดิม แต่นั่งรถไฟไปหาซูชิกินครับ ที่ย่านตลาดปลา Tsugiji  ย่านตลาดปลานี่อยู่ใกล้ๆ กินซ่า ไปถึงแถวนั้นแล้ว ลองเลือกร้านเอา มีหลายร้านเลยครับ  ผมว่ามันเหนือชั้นกว่าร้านที่เมืองไทยอยู่ดี คือที่เมืองไทยเรา เน้นหั่นปลาคำใหญ่ๆ  ผมว่ามันเอาใจลูกค้ามากจนลืม ต้นกำเนิดของตัวเองไป ว่าทำไมแต่ละชิ้นถึงมีขนาด ขนาดนั้น

 ซูชิซัมไม สาขาแรก ต้นตำหรับก็อยู่ย่าน Tsugiji ( http://www.sushizanmai.com/ )
ซูชิซัมไม

Sushisanmai
Sushi Ichiban Honmaguro ซูชิอิจิบัง สุดยอดแห่งปลามากูโร่  (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ)

Sushi ichiban

ผมไม่ได้เชี่ยวชาญด้านซูชิ หรือด้านอาหารแต่อย่างใด แต่เมื่อผมได้ทานซูชิที่นี่ ผมว่ามันพอดีคำ มันสด และมันมีการเตรียมการเป็นอย่างดีก่อนจะออกมาถึงลูกค้าครับ  ลองทานซูชิพวกปลาหมึกดูสิครับ  ผมคิดว่ามันต่างกันลิบลับกับร้านธรรมดาๆ 

ผมว่าความสุดยอดของซูชิ อยู่ที่ความเรียบง่ายของมัน  อยู่ที่การทำอะไรซ้ำๆซากๆ เหมือนเดิม ไม่ต้อง ฟิวชั่นอะไร แต่อาหารออกมาทุกคำ สม่ำเสมอและสุดยอด   ความอร่อยอย่างเรียบง่ายนั้นเกิดจากกระบวนการที่พิถีพิถันและตั้งใจทำทุกขั้นตอน  มิใช่เพียงเอาแต่ว่าชิ้นใหญ่เท่านั้น


โอโทโร ชูโทโร อากามิ ที่นี่ราคาถูกกว่าที่กรุงเทพ ฯ เยอะครับ  สั่งกันเถอะ   (ขออภัยที่รูปถ่ายมาน้อยและไม่ชัดเลย )
Otoro
ที่ Shibuya นี่เป็นที่ตายของ Hachiko ด้วย  ( http://www.youtube.com/watch?v=Y6U7mAnPtw4 )


Hachiko
ไม่ค่อยชอบที่เขาเอา ที่ข้างๆ ฮาชิโกะ ไปทำที่สูบบุหรี่ไปซะแล้ว
Hachiko
ขอจบบันทึกตอนแรกในทริปนี้แต่เพียงเท่านี้ครับ ไว้มาต่ออีกสองตอน

( ตอนที่สอง ) 

วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทริป ปีนัง Penang , Malaysia

ปีนัง มาเลเซีย
ช่วงนี้ไปโน่นไปนี่บ่อย เดินทางไปไหนบ่อยๆ นี่ไม่ได้สนุกมากนะครับ ผมว่ามันเหนื่อย ขึ้นเครื่องลงเครื่อง แบกกระเป๋า check in นั่น check out นี่ ผมว่ามันเป็นชีวิตที่เหนื่อยมาก

ครั้งนี้ได้มีโอกาสไปอยู่ปีนัง สองคืน กะหนึ่งวันเต็มๆครับ เพราะว่าเที่ยวบินของสายการบินไทยที่บินตรงไปปีนังนั้นมีแค่ วันละ หนึ่งเที่ยวคือ บินไปหนึ่งเที่ยวออกตอนทุ่มนึง กับ บินกลับมาตอนเช้าหนึ่งเที่ยวตอนแปดโมง  ซึ่งผมว่าการจัดเที่ยวบินแบบนี้มันสะดวกมาก สำหรับชาวปีนังที่จะมาเที่ยวที่กรุงเทพฯ คือเขาออกตอนเช้าแล้วก็เที่ยวเต็มที่ แล้วกลับกันตอนเย็นๆ  ส่วนถ้าเราบินไปเที่ยวปีนัง นี่ก็ไม่ค่อยสะดวกนัก เพราะจะเสียค่าห้องพักเพิ่มอีก 1 คืน เต็มๆ

ในชีวิตนี้ผมเคยไปมาเลเซียอยู่น่าจะไม่เกินสามครั้ง ครั้งแรกไปเมื่อนานมาก ตอนที่ไปอยู่สิงคโปร์เกินหนึ่งเดือน แล้วต้องขับรถมามาเลเซียเพื่อต่อวีซ่า เข้าไปใหม่ ส่วนครั้งที่สองไปกัวลาลัมเปอร์ เมื่อราวห้าปีก่อน  แล้วก็ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามเอง  ส่วนการมาปีนังนั้นนับเป็นการมาครั้งแรก  ซึ่งผมไม่ค่อยชอบมามาเลเซียเท่าไหร่นักครับที่จริง

Penang Malaysia
 ถ่ายรูปเมืองมาฝาก ครับ  ที่นี่มีอาคารเก่าในยุค โคโลนี่ ให้เห็นมากมาย ปีนังมีรายได้จากอุตสาหกรรม อิเลคโทรนิค และ การท่องเที่ยว

Penang Malaysia
 พื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะปีนัง เป็นภูเขา ดังนั้นส่วนที่พัฒนาได้จะเป็นพวกที่ราบใกล้ๆ กับหาด การเดินทางของผู้คน น่าจะเดินทางโดยรถยนต์เป็นหลัก เพราะไม่เห็นมีระบบขนส่งมวลชนแบบอื่น  แต่ก็รถไม่ติดนะครับ  คิดว่าประชากรที่นี่ไม่เยอะ

Penang Malaysia
 หาดดูเหมือนจะลงไปไม่สนุก และผมก็ไม่เห็นจะมีใครลงไป มีแต่นั่งชมวิวอยู่ที่เขื่อนริมหาด

Penang Malaysia
โรงแรมที่พัก คือ G Hotel ครับ อยู่ติดหาด และก็อยู่ติดห้างด้วยครับ  สะดวกดีอาหารโอเค ห้องใช้ได้ ถ้าถามว่าแนะนำไหม ผมก็แนะนำนะครับ http://www.ghotel.com.my/

G hotel Penang
G hotel Penang
 ของใช้ในห้องเป็นของ Aigner ทั้งหมด มันจะออกหอมมากๆ เรียกว่าอาจจะกลิ่นแรงเกินไปด้วย

G hotel Penang
 จากห้องมองเห็นวิวทะเล

G hotel Penang
ของในตู้เย็นเป็น complimentary ทั้งหมด
G hotel ,Penang
G hotel ,Penang
 ร้านอาหาร ก็ตกแต่งสวยดีและ อาหารก็ใช้ได้ครับ  ปกติผมไม่ชอบทานอาหารพื้นเมืองของมาเลเซียเลย ดีที่อาหารที่โรงแรมนี้เป็นอาหารมาตรฐานโรงแรมชั้นดี

G hotel ,Penang
แวะชมวัดสักหน่อย กับวัดไชยมังคลาราม วัดน่าจะอยู่กับปีนังมาตั้งแต่สมัยโคโลนี่ ทีเดียวครับ  ถนนหน้าวัดนี้เขาเรียกถนนสยาม คนที่นี่เรียกประเทศไทยว่า สยาม นะ ผมว่าได้ยินคนขับแท๊กซี่เรียก  (มั้ง)  คนปีนังที่พาผมไปที่วัด เล่าว่า วัดนี้เป็นที่ที่คนมาเที่ยวปีนังแล้วต้องมา

วัดไชยมังคลาราม

วัดไชยมังคลาราม

วัดไชยมังคลาราม

วัดไชยมังคลาราม
 พระพุทธชัยมงคล

พระพุทธชัยมงคล 
ก่อนนอนคืนที่สอง แวะร้านข้างโรงแรม ชื่อร้าน Euro-Deli ครับ  มีเบียร์หลากชนิดเลยครับ  ถ้าพักอยู่แถวๆนี้ แนะนำครับ
Euro-Deli, Penang

Euro-Deli, Penang


Euro-Deli, Penang
โดยสรุป  ผมไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปเที่ยวที่ปีนังครับ มันไม่มีอะไรเท่าไหร่เลย และอาหารที่นี่ก็ไม่ค่อยถูกปากเสียด้วยสิ  แต่มันก็อาจเป็นความคิดของผมแค่คนเดียวครับ