วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รีวิวร้านอาหาร Bistro Amarone ,ที่ ธัญญะ ช็อปปิ้ง พาร์ค ศรีนครินทร์

Bistro Amarone
รีวิวอันนี้คงเป็นรีวิวอันสุดท้ายที่จะเขียนในปี 2012 นี้แล้วครับ  ปีนี้เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปมากๆในหลายๆด้าน ก็ถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ ท่านผู้อ่านบทความของผม และก็ต้องขอขอบคุณผู้อ่าน มีคนเขียนก็เพราะมีคนอ่าน  ที่ผมยังเขียนอยู่ก็มีเหตุผลเดียวเท่านั้นคือยังมีคนอ่านอยู่ ถ้าไม่มีคนอ่านแล้ว ก็ไม่รู้จะเขียนไปทำไมครับ  ขอคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านนับถือ อวยพรให้ผู้อ่านมีความสุข ร่างกายแข็งแรงตลอดปีหน้า และต่อๆไปครับ

ร้าน Bistro Amarone นี้เป็นผลงานชิ้นที่สาม (และที่สี่ เพราะเปิดติดกันสองร้านเลยครับ )  ของท่านเจ้าของ Water library ที่จามจุรีสแควร์ และที่ water library ที่ทองหล่อไงครับ  ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ Thanya shopping park ย่านศรีนครินทร์ครับ ร้านตั้งอยู่ที่ตึก A ด้านหน้าสุดของ community mall แห่งนี้ ตัวร้านมองเห็นถนน ศรีนครินทร์เลยครับ

Thanya shopping park
ผมได้ไปเดินที่ community mall แห่งนี้มาหลายครั้ง และผมว่ามันค่อนข้างน่าเป็นห่วงว่าร้านข้างในจะขายกันได้หรือเปล่า ด้วยการออกแบบ ค่อนข้างทำให้ flow การเดินของคนซื้อของค่อนข้างไม่มีทิศทางมากครับ  ร้านต่างๆอยู่ตรงไหนก็หายาก

ผมว่าร้าน Bistro Amarone เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดของ community mall นี้ และน่าจะมีส่วนในการดึงคนมาเดินห้างเสียด้วยซ้ำ ไม่ใช่คนมาเดินห้างแล้วมาแวะกินร้าน  มันน่าจะเป็นทางตรงกันข้าม

Bistro Amarone
 จุดแข็งของร้านนี้คือเจ้าของร้านเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารเอง ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไวน์ น้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายชนิด  อย่างร้านนี้ก็มี wine ที่เป็น brand ของร้านเองครับ  ชื่อว่า Amarone เหมือนชื่อร้าน

Bistro Amarone
ถ้าเทียบกับร้าน water library ทั้งสองแล้วละก็ ร้านนี้ ดูไม่หรูเท่า แต่มันก็ทำให้ร้านนี้ดูทำใจได้สบายๆกว่าที่จะเข้าไปนั่งทานอาหารครับ  ไม่ต้องจัดหนักเหมือนสองร้านนั้น

Bistro Amarone at Thanya Park
 ภายในร้านตกแต่งให้เหมือนนั่งอยู่ใน Gallery รูปภาพ โดยนำภาพของศิลปินที่มีชื่อเสียง มาจำลองเอาไว้ให้ชมไปรับประทานไป

Bistro Amarone at Thanya Park
 สามารถกั้น zone ค่อนข้างส่วนตัวได้เหมือนกัน
Bistro Amarone at Thanya Park

Bistro Amarone at Thanya Park

Bistro Amarone at Thanya Park
ไปครั้งนี้เราโชคดีได้พบท่านเจ้าของร้านพาชมอีกร้านนึงข้างๆกันที่เป็นของท่านเหมือนกัน เป็นร้านอาหารจีนครับ ชื่อหงเปา  (Hong Bao)

มี concept คล้าย Bistro Amarone อย่างหนึ่งก็คือเอาภาพศิลปะที่มีชื่อเสียง นำมาจำลองไว้ให้ลูกค้าได้ชื่นชม

Hong Bao
 ครัวเป็นครัวเปิดครับ พ่อครัวเป็นชาวฮ่องกง ( ไม่ใช่ท่านนี้นะครับ )  ในรูปข้างล่างคือซาลาเปาไส้เผือก กับไส้ครีม  ซึ่งถ้าเป็นไส้ครีม ไส้มันจะไหลออกมาเหมือนลาวา เลยครับ  อร่อยนะ

Hong Bao
ซาลาเปาไส้ครีม (ซาลาเปาลาวา) กับ เสี่ยวหลงเปา
ซาลาเปา
 ซาลาเปาไส้เผือก
ซาลาเปาไส้เผือก
 บิแล้ว ไส้ทะลักแบบนั้น

Hong Bao at Thanya Park
 เมนูครับ  อาหารราคาไม่แพงมาก วันหลังผมอยากไปลองทานมื้อเที่ยงดูบ้าง จะกินเป็ด
Menu Hong Bao at Thanya Park
มาทางร้าน Bistro Amarone บ้าง ตอนนี้ทีร้านมี Chef เปเป้ ที่เคยอยู่ร้าน Water Library จามจุรีแสควร์ มาช่วยดูแลช่วงนี้ Chef เปเป้พูดไทยได้นะครับ

Chef เปเป้
เมนู ครับ เห็นแล้วตกใจในราคา  เพราะราคานี้มันราคาพอๆกับ ร้าน Italian chain ที่อร่อยสู้ร้านนี้ไม่ได้ และบรรยากาศก็สู้ไม่ได้ด้วย   ผมอยากให้ราคามันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผมจะได้มาทานบ่อยๆครับ หวังจะฝากท้องไว้กับร้านนี้ทีเดียว

เมนู Bistro Amarone 

เมนู Bistro Amarone 
ไวน์ลิส ครับ ร้านนี้มีไวน์ที่เป็น Brand ของตัวเองด้วยครับ  ดังที่เกริ่นไว้เบื้องต้นว่า เจ้าของเป็นเจ้าของสายผลิตภัณฑ์อาหารหลายแขนง จึงเป็นข้อได้เปรียบและจุดเด่นที่สำคัญของร้านนี้

เมนู Bistro Amarone 
Amarone ปี 2008 ที่ดื่มตัวนี้เป็นตัวถูก จากสองแบบที่ขายอยู่ในร้าน รสชาติออกหวาน

Amarone

Amarone
Beef Carpaccio  อร่อยครับ

Beef Carpaccio
 Melanzane  เรียกไม่ถูกเหมือนกัน มันเป็นชีส ตัดแบ่งสี่ชิ้นครับ  อร่อยมาก

Melanzane 
ไส้กรอกอิตาเลียน
ไส้กรอก
Ravioli

Ravioli
ปลา Sea bass นี้เวลาทำ Chef เขาจะใส่ปลาในถาดแล้วห่อด้วยแป้ง แล้วก็เอาไปอบ คือระหว่างการทำ อบเสร็จแล้วก็ถึงเปิดออกมาทานแบบในภาพ

Sea bass
 Beef Tenderloin
Beef Tenderloin
ของหวาน
ท่าน (เจ้าของ) ว่า มาร้านนี้ต้องลองชิมพิซซ่า สูตรเตาฟืนให้ได้ แล้วก็ ของหวานอร่อยกว่าอาหารหลักเสียอีกครับ

คุณลีเจ้าของร้าน และเป็นเจ้าของ water library ด้วย  คุณลีบอกว่าชอบอยู่ร้านที่จามจุรีสแควร์ มากที่สุด

คุณลี
เวลาผมเขียนรีวิวอะไรที่ผมมีส่วนได้ส่วนเสียด้วย เช่นเป็นร้านของคนรู้จักกันแบบร้านนี้ มันยากนะที่จะมีความเห็นดีหรือไม่ดี บอกว่าดี คนก็อาจคิดว่าผมอวยเพื่อนมั่วๆ  บอกไม่ดี เพื่อนก็อาจผิดใจกันได้  แต่ความเห็นของผมเป็นอย่างนี้ครับ

ผมว่าร้านนี้มันเป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่อร่อย และคุณภาพดีสุดๆ แต่ราคาระดับร้าน chain  ทำให้ผมนึกถึงโฆษณาประกันอะไรอย่างนั้น  แบบว่าจ่ายราคาประกันชั้นสามแต่ได้ ของเท่าประกันชั้นหนึ่ง  แต่ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าราคาจะปรับขึ้นหรือเปล่าในอนาคต  ผมก็ได้แต่หวังว่าราคาจะคงอยู่ระดับประมาณนี้ต่อไป เพื่อผมจะได้มีปัญญาไปนั่งทานบ่อยๆครับ

ขอบคุณและสวัสดีปีใหม่ครับ

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รีวิวร้านอาหาร Signor Sassi Bangkok ที่ ชั้น 37 โรงแรมอนันตรา สาธร ครับ

Signor Sassi Bangkok
ไปมาแล้วครับ ร้าน Signor Sassi Bangkok ที่ตั้งอยู่บนชั้น 37 ของโรงแรมอนันตรา สาธร ครับ
อนันตราสาธร นี่ทางเข้าอยู่ตรงถนนนราธิวาสฯ ขับรถเลี้ยวเข้าไปตึกกลางนะครับ ทางเข้าค่อนข้างมองยากเล็กน้อยครับ การเดินทางมาโรงแรมนี้คงจะต้องขับรถมา จะสะดวกสมฐานะที่สุดกระมังครับ

ร้านอาหารแห่งนี้เพิ่งเปิดได้ไม่กี่เดือนครับ และคงเป็นหนึ่งในร้านที่พาคู่รักมาสวีท ชมวิว ได้ไม่ยากนัก ร้าน Signor Sassi เปิดสาขาแรกที่ลอนดอนตั้งแต่ปี 1984 หลังจากนั้นก็มีสาขาในคูเวต และเบรุต แห่งเลบานอน  ส่วนสาขาในไทยนี่ก็เป็นสาขาที่ 3 ของโลก และสาขาแรกใน Asia ครับ นำเข้ามาโดยคุณอภิชัย เตชะอุบล

Facebook ของร้านครับ  ส่วนอันนี้ก็เป็น web site ของร้านแม่ที่ลอนดอน http://www.signorsassi.co.uk/

เมื่อเข้ามาที่ lobby ของอนันตรา จะพบบรรยากาศประมาณนี้ครับ

Signor Sassi Bangkok

Signor Sassi Bangkok

Signor Sassi Bangkok

Signor Sassi Bangkok
กดลิฟท์ขึ้นชั้น 37 ไป ที่ชั้นนั้นจะมีร้านอาหารอยู่สองร้าน ร้าน Signor Sassi อยู่ซ้ายมือครับ

Signor Sassi Bangkok
ร้านมีที่นั่งสองโซนหลัก คือส่วนที่อยู่ในห้องปรับอากาศ กับที่นั่งด้านนอก รับอากาศกรุงเทพฯ ผมว่าบรรยากาศอยู่ระดับโอเคอยู่ครับ

Signor Sassi Bangkok

Signor Sassi Bangkok
เมนูครับ  มีเมนูแบบปกติ กับเมนูรายการพิเศษของวัน แล้วก็เมนูเครื่องดื่ม ก็เลยมีสามเล่ม

เมนู Signor Sassi

เมนู Signor Sassi

เมนู Signor Sassi

เมนู Signor Sassi

เมนู Signor Sassi

เมนู Signor Sassi
อาหารจานเด็ดน่าจะเป็น Avocado Bernardo อโวกาโด กับกุ้ง แล้วอีกจานก็เป็น สปาเกตตี้ ลอปสเตอร์ ครับ  ผมว่างั้นๆนะครับ

Spaghetti Lobster 
ส่วนจานอื่นๆที่สั่งมาทดลองในครั้งนี้ก็มี Culatello เป็น ชีสนมแพะ กับดรายแฮม จานนี้ผมชอบ

Culatello
ระหว่างรอสั่งอาหารจะมี โอลีฟ กับชีส มาให้ทานกับไวน์ รอ (แต่ผมเอามาทานกับสิงห์)


จานนี้ คือ Sassi Salad

Sassi Salad
จานนี้คือ Sirloin Steak กับซอส เห็ด Truffle ซึ่งผมว่าไม่ค่อยโอ

Sirloin
ที่ร้านนี้มี wine จากแคว้นต่างๆของอิตาลี เยอะมากๆเลยครับ ลองเลือกมาชิมได้  ส่วนตัวผมว่าขวดที่ผมเลือกมามั่วๆ ก็รสชาติดี ในราคาที่ใช้ได้อยู่เหมือนกันครับ

ที่ร้านมีดนตรีสดบรรเลง ด้วยครับ
ดนตรีที่ Signor Sassi
ผมเห็นผู้คนที่มีสตางค์สมัยนี้ พากัน "แสดงออกซึ่งความรวย" ด้วยการใช้ สิ่งของที่เห็นได้ชัดๆเลยว่ามันเป็นของแพง และคิดว่าผู้คนก็รู้กันอยู่ทั่วไปด้วยว่าของนั้นแพง เช่นเข็มขัดตัว H ที่ใส่กันทั่วไปในตอนนี้ หรือรถ Porsche รถ Benz รถ BMW รุ่นเหมือนๆ กัน  อะไรก็ตามที่สามารถ "แสดงออกซึ่งความรวย" ได้ นี่ก็พยายามใช้หมด  จนหลายครั้ง มันก็ทำให้ทุกๆคนดูเหมือนๆกันไปหมด  

อย่างร้านอาหารก็เหมือนกัน  ร้านหลายร้าน สามารถใช้ในการ "แสดงออกซึ่งความรวย" ได้ แต่เรื่องคุณภาพ ความอร่อย อาจไม่แปรผันไปตามราคาก็เป็นได้   เหมือนกับสิ่งของนั่นแหละ ที่ของแพง ของที่ใส่แล้วดูรวย อาจมิได้ สวยงาม ชวนมองเสมอไปครับ   ส่วนสำหรับร้านอาหารนั้น ผมว่า ความอร่อย สำคัญที่สุด แน่นอน ความสะอาด บรรยากาศ และบริการ  ก็สำคัญไม่แพ้กัน

สรุปส่งท้าย สำหรับความเห็น เกี่ยวกับ ร้าน Signor Sassi แห่งนี้ ผมว่าเป็นอีกร้านหนึ่งที่เป็นร้านหรู วิวสวย ของกรุงเทพมหานคร อย่างไม่ต้องสงสัยครับ  ส่วนความอร่อย ก็คงแล้วแต่บุคคล  ส่วนตัวผมถ้าถามว่าจะแนะนำให้คนอื่นตามมาทานหรือไม่  ผมว่า มาทดลองสักครั้งก็ไม่เสียหายครับ  แต่ถ้าจะมาซ้ำ อันนี้สำหรับผม ผมคิดว่าผมชอบร้านอื่นมากกว่าครับ