วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

รีวิว Zense Gourmet Deck ที่ชั้น 17 Central World ครับ

Zense at Central world
ร้าน Zense ที่ Central world ที่ชั้น 17 ไม่ใช่ร้านใหม่ ร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านทีผมเคยชอบมากๆ และเคย รีวิวไว้แล้ว ครั้งหนึ่งที่ Link นี้ 

Zense ปิดทำการไปเป็นปีๆ จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ทำให้อาคารได้รับความเสียหายและไฟไหม้ไปครับ จนกระทั่งเดือนกันยายนในปี 2555 นี้ Zense ได้กลับมาให้บริการใหม่แล้วครับ Zense Relaunch  แล้วนับเป็นหนึ่งในร้านที่ผมเชื่อว่ามีคนรอการกลับมาของร้านนี้อยู่มากพอสมควร

วิธีการไป zense ก็ไปได้โดย ไปที่ Central world แล้วขึ้นไปชั้น 7 ด้าน Zen แล้วขึ้น lift ไปชั้น 17 ครับ


Webpage ของ ร้าน http://www.zensebangkok.com/restaurant/index.html

Facebook http://www.facebook.com/ZENSEBangkok

วันที่ไปฝนตกครับ ทำให้ไม่สามารถถ่ายรูป ด้านนอกได้ดีนัก มีแต่รูปเก่าๆที่เคยถ่ายไว้ โดยรวมๆแล้ว ภายในร้านไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนักทั้งด้านในด้านนอก รูปที่เอามาแปะไว้นี้ เป็นรูปที่ผมถ่ายไว้เมื่อปี 2009 ครับ วิวรวมๆ ก็ยังคล้ายๆนี้แหละ



Zense Bangkok

Zense Bangkok
ส่วนพวกนี้เป็นรูปที่ถ่ายรอบนี้ คือวันที่ฝนมันตก ดูเทียบกันกับรูปบนนะครับ

Zense at Central world

Zense Bangkok

Zense at Central world

Zense at Central world
ด้านในครับ

ภายใน Zense

ภายใน Zense

ภายใน Zense

ภายใน Zense
ส่วนอาหารนั้นมีอาหาร ญี่ปุ่น ไทย อินเดีย อิตาเลียน และ Fusion จากห้าครัว ห้าร้าน เขาว่าเช่นนั้น ทำให้การเลือกรับประทานอาหารค่อนข้างเลือกยากเหมือนกัน

Menu Zense

Menu Zense
สุดท้ายอาหารเลยให้น้องพนักงานเลือกให้ครับ

อาหารจากครัวอิตาเลียน
 ปลาถอดก้างมาปักประดับเอาไว้
อาหารที่ Zense
 อาหารญี่ปุ่นเป็น set 5 อย่าง
อาหารจากครัวญี่ปุ่น


สลัดปูนิ่ม
 หอยนางรมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่างๆ กันสี่แบบครับ ผลการทดลอง แปลกๆครับ

หอยนางรมกับแอลกอฮอล์ 4 แบบ
 อาหารโดยรวมผมว่า งั้นๆนะครับ  ที่ได้เรื่องที่สุดในวันนั้นคือของหวาน

ของหวาน
อาหารทั้งหมดตามรูป รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ wine 1 ขวด ราคาอาหารออกมารวม 7 พันกว่าครับ คนที่ไปทานมี 5 คน ผมว่า ราคาโอเคอยู่นะครับ ถ้าเราให้ราคาของบรรยากาศ มากๆหน่อย

ในความเห็นของผมผมคิดว่า ร้าน Zense นี่เหมาะมากที่จะมานั่งด้านนอก เฮฮากับ เพื่อน หรือจะ สวีทกับแฟน ได้วิวสวยๆ พอๆกับร้านหรูๆ ร้านอื่นๆหลายแห่ง ในราคาที่ถูกกว่าครับ  ส่วนเรื่องอาหารนั้นผมว่าทานมาจาก ร้านที่ Central world มาก่อน แล้วขึ้นมานั่งดื่มด้านบน ก็อาจเป็นวิธีที่ควรพิจารณา

แถมท้าย  ความเห็นจากชาวคณะครับ

A: "บรรยากาศดี ( ถ้าฝนไม่ตกคงดีมาก) อาหารเฉยๆ บางทีหลายชาติเกิน ไม่รู้อะไรเป็นจุดเด่น แต่ได้ความหลากหลายแทน ขนมอร่อย "

B: "ตอนไปห้องน้ำ พนักงานเดินพานำทางไปจนคิดว่าจะเข้าไปด้วยเลยครับ :D เมนูปลา ผมโดนก้างเยอะอ่ะครับ  อาหารธรรมดา ส่วนเมนูหอย เหล้ามี 3 อย่าง ก้บสีแดงคือน้ำซอส โปรดอย่าซด"

C: "ผมว่าจะบอกว่า ถ้าบิลออกมา ไม่เกิน 3500 โอเครับได้ แต่ราคางี้ ผมเห็นด้วยกะความคิดพี่1 ว่าถ้าจะมาก็ เหมาะแค่พาแฟนมานั่งจิบไวน์ ด้านนอก ด้านในเอาตรงๆ ผมเฉยๆ ไปที่อื่นดีกว่า ราคานี้"

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

รีวิวร้าน Mr. Jones’ Orphanage ที่ SeenSpace ทองหล่อ 13

Mr. Jones' Orphanage
รีวิวอันนี้ได้ความคิดว่าจะไปทดลองมาจากวันที่ไปทานที่ร้าน water library ทองหล่อครับ  Chef ที่นั่นได้กล่าวว่า "ตอนนี้มีร้านขนมที่ทองหล่อ ที่เขาชอบไปถ่ายรูปขึ้น facebook กัน ไม่ไปลองละ"  ซึ่งที่แห่งนั้นก็คือ ร้าน Mr. Jone's Orphanage แห่งนี้ สาขาที่ไปรีวิวคือสาขาที่ Seenspace ทองหล่อ 13 ครับ   เข้าใจว่าร้าน Mr. Jone's Orphanage จะเปิดหรือเปิดไปแล้ว ก็ไม่ทราบนะครับ อีกสาขาหนึ่งคือสาขาที่ K Village อีกด้วย ร้านนี้เป็นร้านขนมสวยๆ ที่เปิดอยู่ท่ามกลางย่านร้านที่เป็นร้านกลางคืน เป็นส่วนใหญ่แห่งทองหล่อ  ร้านนี้เปิดถึงห้าทุ่มเชียวครับ

ที่ร้าน Mr. Jone's Orphanage นี้เราจะได้เห็นการตกแต่งแบบ โบสถ์เก่าที่กลายมาเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ด้านในมีตุ๊กตาหมี อยู่หลายตัวครับ ร้านน่ารักมาก ไม่แปลกเลยที่ผู้คนที่มาที่นี่จะพากันถ่ายรูปตัวเองขึ้น สื่อ social ต่างๆ เพื่ออวดให้เพื่อนๆอิจฉาเล่นๆ ว่ามาร้านน่ารักๆ แห่งนี้แล้ว

Mr. Jones' Orphanage

Mr. Jones' Orphanage

Mr. Jones' Orphanage

Mr. Jones' Orphanage
เข้าใจว่าผู้ที่มีส่วนสำคัญในการทำให้ร้านนี้เกิดขึ้นและประสบความสำเร็จเช่นนี้ เป็น celeb ท่านนึงทีเดียว  ผมว่าทำธุรกิจร้านอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย แต่บางคนก็ทำได้ทำดี   ที่ตรงที่เป็นร้าน Mr.Jone's Orphanage ในปัจจุบันนี้ เมื่อก่อนเคยเป็นร้าน Tudari มาก่อนครับ  ร้านที่ผมรีวิวนี่แหละ ตาม link นี้  ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว  การทำ รีวิวทำให้ผมทราบว่า ร้านถ้าไม่ประสบความสำเร็จมักจะเลิกไปภายใน 1 ปี

Mr. Jones' Orphanage
รีวิวครั้งนี้ ทานขนมหนึ่งชิ้น กับกาแฟ 1 แก้ว ดังรูปครับ  ผลของการทดลองก็คือ พอไหวครับ  คือบรรยากาศล้ำกว่าความอร่อยนิดหน่อยครับ

Mr. Jones' Orphanage

Mr. Jones' Orphanage

ร้านนี้มีชั้นลอย เล็กๆด้วยครับ ซึ่งขึ้นไปนั่งทานได้เหมือนกัน แต่ก็ต้องค่อมๆตัวนิดๆ  ร้านคนเยอะครับ ถ้าไปจังหวะไม่ดีคงต้องต่อคิวนานพอควร เพราะจำนวนที่นั่งก็ไม่มากนัก

ส่วนตัวผมว่าร้านนี้น่ารักดีครับ สาวๆคงชอบอยู่ ถ้วยของเครื่องใช้ ชื่อรายการอาหาร สิ่งที่เขียนอยู่บนบอร์ด หรือแม้แต่ที่ก้นแก้วกาแฟ ที่ทานหมดแล้ว ล้วนมี Design และมี idea อยู่ในนั้นครับ  ไปทดลองดูลองชมกันเองได้ครับ ผมคงเขียนเท่านี้แหละ :D

Mr. Jones' Orphanage



วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

รีวิวร้านอาหาร Water Library Restaurant Bar ที่ The Glass ทองหล่อครับ

Water Library Restaurant Bar
ถือว่าโชคดีอีกแล้ว ที่ได้ไปทานร้านนี้นะครับ  เพราะราคาในการรีวิวครั้งนี้ ถ้าต้องจ่ายเองคงจะพุ่งปริ๊ด ทำ new high ของการรีวิวร้านอาหารใน blog แห่งนี้อย่างแน่นอนครับ เมื่อสามปีที่แล้ว ผมเคยรีวิวร้านอาหาร Water Library สาขาแรกที่จามจุรีสแควร์ไปครับ ตาม link นี้   และจนถึงทุกวันนี้ ร้าน Water Library ก็เป็นหนึ่งในร้านที่ผมมักจะแนะนำให้เพื่อนๆไปลองทานกันอยู่เสมอๆ   ส่วนสาขาที่ The Grass Thonglor นี่ได้ข่าวว่าเปิดมาเป็นปีแล้วเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้ไปรีวิวสักที เพราะราคาแพงเหลือหลายสำหรับผมครับ เผลอๆ ร้านนี้อาจเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่แพงที่สุดในกรุงเทพ ณ เวลานี้ก็เป็นได้

เมื่อเร็วๆนี้ได้ผมได้ข่าวว่า Water Library จะเปิดสาขาที่ธัญญะพาร์ค พอผมได้เจอท่านลูกชายเจ้าของร้านผมเลย เอ่ยปากบอกว่า "กะจะไปรีวิวที่ร้านใหม่เพราะได้ข่าวว่าจะราคาถูกกว่าเดิม  ส่วนร้านที่ทองหล่ออยากไปรีวิวเหมือนกันแต่คงไม่มีปัญญาจะจ่าย"  ท่านเลยตอบมาว่า "เดี๋ยวผมบอกคุณพ่อให้เชิญพี่ไปทานที่ร้านดีกว่า"  แล้วท่านก็เงียบหายไปสักเดือนหนึ่ง จนจู่ๆกระทันหันเล็กน้อย ผมก็ได้มีโอกาสไปทดลองทานที่ Water Library สาขา Grass ทองหล่อจนได้ครับ  นับเป็นโชคดีของผม และต้องขอบคุณท่านเจ้ามือด้วยครับ  อันนี้ facebook ของ Water library 

ร้าน Water Library สาขาทองหล่อแห่งนี้เปิดมาได้ เกือบปีแล้วครับ ด้านล่าง เป็น Bar นั่งดื่ม ส่วนชั้นบน เป็นโต๊ะอาหารโต๊ะยาวๆ คล้ายๆแบบ Sushi bar คือเรานั่งหันหน้าเข้าหาคณะ Chef ครับ  Chef จะทำอาหารให้เราดู พูดคุย และอธิบายถึงอาหาร และเครื่องดื่มต่างๆ ไปด้วย ที่นั่งนั้นรับเต็มที่ได้ 11 ที่ (หากมาด้วยกันทั้ง 11 ท่าน) ซึ่งปกติจะจัดโต๊ะไว้หลวมๆ กว่านั้นครับ ราว 8-10 ที่   และในแต่ละวัน เสริฟ ให้ลูกค้าแค่เท่านั้นท่าน จริงๆครับ

เนื่องจากที่ร้านอาหารนี่เรา serve พร้อมๆกันทุกคนครับ เมื่อเข้ามาถึงถ้ายังไม่พร้อมกัน หรืออาจมาเร็ว ก็นั่งรอข้างล่าง ดื่มเครื่องดื่มพิเศษที่ Manager จัดให้ก่อน ซึ่งก็อร่อยมากๆ

Welcome drink
 ด้านล่างของ Water Library ทองหล่อ เป็น Bar ครับ มีทั้งที่นั่ง indoor และ out door
ด้านล่าง Water Library ทองหล่อ
 ส่วนของการรับประทานอาหารขึ้นชั้นสองมา จะพบว่านั่งเรียงกัน เมื่อนั่งประจำที่จะพบกับจดหมาย

 Water Library ทองหล่อ
 Water Library ทองหล่อ
รายการอาหารเป็นอาหาร Course 12 อย่างครับ เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ตอนที่ไปทานยังเป็นของ Summer อยู่ เพราะใช้ฤดูตามต่างประเทศ  กว่าจะทานเสร็จใช้เวลาไปร่วม 3 ชั่วโมงได้

Course อาหาร
รายการอาหารมีให้เลือกว่าจะ ทานอาหารเฉยๆ หรือจะ pairing กับเครื่องดื่ม หรือจะเลือก pairing กับเครื่องดื่มอย่างดี นะครับ ถ้าเลือก paring กับเครื่องดื่มอย่างดี ราคาจะพุ่งไปสองเท่าของ ราคาของอาหาร pairing กับเครื่องดื่มแบบไม่ exceptional ทีเดียว  

ดูอาหารเลยดีกว่าครับ คู่แรก สาเก มาคู่กับ คาเวียร์  

Tengumai Yamahai Junmai Ginjo

Caviar
ต่อด้วย Iwashi  อาหารที่ตกแต่งเหมือนสวน มีปลา มีโฟกรา ส่วนที่เห็นคล้ายๆ cracker เสียบอยู่นั้น ทำจากกระดูกปลาซาดีน
Iwashi
 อาหาร course สองออกมาคู่กับ  Joh.Jos Prum ปี 2007 จากเยอรมันนี

Joh Jos Prum
ต่อด้วยอย่างที่สามใน course โดยที่ paring ยัง pair กะตัวเดิมข้างบน  อย่างที่สามเป็น "Cerises Jaunes Tomatoes"
Tomatoes
อย่างที่สี่ เป็นการเล่นสนุกนิดๆ ด้วยอาหารที่หน้าตาคล้ายโดนัท และใส่มาในกล่องที่สั่งทำพิเศษ  สีของกล่องชวนให้นึกถึง mister donut จริงๆ

Doughnut? 
 Homemade Glazed Doughnut
Doughnut? 
 ทานคู่กับ Deus Cuvee Prestige 2011 จาก Belgium

Deus
จานนี้เป็นกุ้ง เห็ด Truffles อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างครับ หน้าตาดี มี story และก็อร่อย

Carabineros
สามสี่อย่างแรกนี่ pairing กะ wine สีขาวทั้งหมด  รายการนี้ก็เช่นกัน pairing กับ Chablis จากแคว้น Burgundy ประเทศฝรั่งเศส

Chablis Domaine Faiveley 2010
wild ocean trout อันนี้เหมือนจะดิบ แต่จริงๆ สุกแล้วครับ

wild ocean trout
 เปลี่ยนเป็น wine แดงมั่งแล้ว เป็น Pinot noir จาก USA

Au Bon Climat, Knox Alexandra 2007, USA


 ทานคู่กับ Langoustine น่าจะเป็นหูหมู กับกุ้ง

Langoustine
แล้วก็ต่อด้วย Quail นกกระทา

Quail
 Wine แดง Chateau Malescot St. Exupery Troisieme , Margaux France

Grand Cru Classe 2003 Margaux France
 ทานกับเนื้อ ฮิโรชิม่า จะสังเกตในรูปว่า ไวน์แดงเริ่มมีสองแก้ว เพราะดื่มไม่ทัน

Le Boeuf de "Hiroshima"
 ของหวานมีสามอย่างครับ อย่างแรก Fourme D'Ambert

Fourme D' Ambert
 Sparkling ไว้คู่กับของหวาน

Sparkling Grand Cuvee  Italy
 ทานไปทานมา จะมีหลายแก้วแบบนี้ครับ


Peach ญี่ปุ่น
Momo
 Petit ห้า นี่จัดเป็นเหมือนจัดสวนญี่ปุ่นเลย

Petit ห้า
ครับ ชมภาพอาหารและเครื่องดื่มกันจนอิ่มเลยทีเดียว  สำหรับผมในวันนั้นเริ่มทานเริ่มดื่มราวๆ สามทุ่ม กว่าจะจบ course เข้าไปราวๆ เกือบเที่ยงคืนครับ  เล่นเอาง่วงทีเดียว  และค่อนข้างเมาเพราะหลายขนานมาก

สรุปสั้นๆ water library ชื่อนี้ไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง แม้ว่าจะเคยไปทานแค่สามครั้งเท่านั้นเองครับ เพราะราคาค่อนข้างสูงสำหรับผม และก็เป็นการรีวิวที่มีราคาสูงที่สุดใน blog แห่งนี้ตั้งแต่รีวิวมา  เรียกว่าทำสถิติสูงสุดใหม่ทีเดียว

ร้าน water library สาขาทองหล่อ นี่คงจะเหมาะกับนักธุรกิจไปนั่งคุยกัน  หรือเหมาะกับ นักทานที่ชื่นชอบ ความสนุกสนานไปพร้อมๆกับการรับประทานครับ  หากงบถึง รับรองไม่ผิดหวังครับ