วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ขับรถยนต์เที่ยว ฮอกไกโด ตะวันออก ตอนที่ 2 Hokkaido self drive part 2

Hokkaido self drive
ความเดิมตอนที่แล้ว  เรามาเที่ยวฮอกไกโดภาคตะวันออกแบบขับรถมาเอง โดยเป็นการจัดครั้งแรกของ JTB ครับ แต่ทัวร์นี้ไม่ฟรีนะครับตามที่ทราบกันแล้ว

ครั้งที่แล้วเราเดินทางมาถึง เมืองคุชิโระ ครับ การขับรถในวันที่สองนี้เราใช้เส้นทางเลียบชายทะเล มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ไปทางปลายแหลมสุดของฮอกไกโด ซึ่งเป็นที่ตั้งของมรดกโลก ชิเรโตโกะ ( Shiretoko)  การขับรถในวันที่สองนี้นับเป็นอีกวันหนึ่งที่มีการขับรถยาวนานมาก และที่เที่ยวไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แต่ความสุขของทริปนี้จริงๆไม่ได้อยู่ที่สถานที่ท่องเที่ยว แต่มันอยู่ที่การได้ขับรถไปบนถนนสวยๆ อากาศดีๆ ได้แวะพักกินอาหารอร่อยๆมากกว่าครับ ( ในความคิดของผมนะครับ )

การเดินทางในวันที่สอง เริ่มจากเลขสามในแผนที่ด้านล่างครับ ที่เลขสามคือ คุชิโระ ที่เราหยุดพักค้างคืนในคืนแรก

แผนที่การเดินทางในวันที่ 2
ขับมาได้สักพักก็มาแวะเข้าห้องน้ำที่จุดที่ 4 ในแผนที่ มันคือสถานที่พักรถ Akkeshi Gourmet park สถานที่พักรถแห่งนี้เคยเป็นที่ที่ได้รับเลือกว่าอาหารกล่องของที่นี่อร่อยที่สุด

Akkeshi Gourmet park

Akkeshi Gourmet park
 เมืองนี้มีชื่อเสียงมากด้านหอยนางรม ดังนั้น ไม่ควรพลาดข้าวหน้าหอยนางรม

Akkeshi Gourmet park

Akkeshi Gourmet park
มีแม้กระทั่ง Sapporo Oyster black เบียร์ดำ

Akkeshi Gourmet park
 ข้าวหน้าหอยนางรม นี่สั่งกินในร้านไม่มีนะครับ มีแต่ซื่้อกลับบ้าน

Akkeshi Gourmet park
แล้วก็ขับรถไปทางเหนือ จากหมายเลขสี่ในแผนที่ ไปยังหมายเลขห้า
ที่ฮอกไกโดนี่ หน้าหนาวหิมะตกเยอะมาก ตกเยอะจนมองไม่เห็นถนนจึงมีลูกศรอยู่ด้านบนถนนตลอด เพื่อชี้ว่า "ถนนอยู่ตรงนี้" เผื่อหิมะตกหนาจนมองไม่เห็นถนน
และลมก็แรงมาก จึงจำเป็นต้องทำที่กันลมเอาไว้ช่วยลดแรงลม

ระหว่างทาง
 ว่ากันว่า ที่ฮอกไกโดมีประชากรวัวมากกว่าคนเสียอีก  มาฮอกไกโดพลาดไม่ได้กับผลิตภัณฑ์นมวัวนะครับ

ปิดหู ปิดตา ปิดปาก
 ขับไปอีกสักพักก็แวะเข้าห้องน้ำอีกแล้ว ที่ Betsukai  ที่เมือง Betsukai นี้เป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฮอกไกโด พื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยฟาร์ม และทุ่งเลี้ยงสัตว์ครับ


จากจุดที่พักนี้  (ลำดับห้าในแผนที่ ) จะมองเห็นหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่นกับ รัสเซีย  ญี่ปุ่นเรียกเกาะเหล่านี้ว่า "สี่เกาะทางเหนือ" ส่วนรัสเซียเขาเรียกว่า หมู่เกาะคูริลใต้  ทหารรัสเซียได้เข้ามายึดหมู่เกาะเหล่านี้ไว้ในช่วงสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง

มองจากฝั่งญี่ปุ่นจะมองเห็นหมู่เกาะเหล่านี้ใกล้นิดเดียว เหมือนมองเห็นเกาะล้านจากฝั่ง พัทยาทีเดียว 

อนุสรณ์ เรียกร้องหมู่เกาะทางเหนือคืน
ระหว่างทาง

ระหว่างทาง


ระหว่างทาง

ระหว่างทาง

ระหว่างทาง

 จุดพักต่อไปคือที่ Shiretoko Rausu  คือเราได้เดินทางเข้ามาอยู่ในอุทยานแห่งชาติ ชิเรโตะโกะแล้ว ซึ่งอยู่ในเมือง ราอุซุ อุทยานแห่งชาติแห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติที่พบประชากรหมี มากที่สุดในญี่ปุ่นเราจึงสามารถพบเห็นของฝากที่เป็นรูปหมีได้ในร้านแถบนี้
ชื่อของเมืองที่ฮอกไกโดนี่ หลายชื่อจะมาจากภาษาไอนุ ชาวท้องถิ่นเดิมของฮอกไกโด  อย่างราอุซุ นี่ก็มาจากคำภาษาไอนุ ที่แปลว่า "ที่พักของมนุษย์ ผู้มีจิตใจของสัตว์ป่า"
ชิเรโตโกะ Shiretoko ก็มาจากภาษาไอนุเช่นกัน แปลว่าสุดขอบโลก  ซึ่งในปี 2005 UNESCO ได้ประกาศให้ดินแดนแห่งนี้เป็นมรดกโลก ร่วมกับสี่เกาะที่พิพาทกับร้สเซียด้วย  นัยว่าให้ประเทศทั้งสองจงร่วมกันรักษาดินแดนธรรมชาติเหล่านี้ร่วมกัน

แล้วเราก็แวะพักทานข้าวกลางวัน  ( ตอนนี้เราอยู่ที่หมายเลข 6 ในแผนที่แล้วครับ )

Salmon don

ปลา

ด้ง สามสี

Rausu
มุ่งหน้าไปจนสุดถนนที่ให้วิ่งได้  เนื่องจากวันที่ก่อนไปมีหิมะตกหนัก ถนนก็เลยปิดไม่ให้ไปต่อ ทำให้เราไม่สามารถขับรถวนเป็นวงกลมได้ ก็เลยต้องวิ่งกลับทางเก่า  ดังแสดงในแผนที่ด้านบน จากจุด 6 ไป จุด 7
Shiretoki Rausu
 จอดรถถ่ายรูปกันหน่อย  ที่ตรงที่จอดรถนี่มี Public Onzen แบบกลางแจ้งอยู่ด้านล่าง แช่น้ำร้อนไป ดูทะเลไป

Shiretoki Rausu
 ที่ Shiretoko นี่มียอดเขาที่สูงที่สุดชื่อว่า Rausu Dake เป็นยอดที่สูงที่สุดในอุทยานนี้ ( ไม่ใช่ภูเขาในรูปล่างนะครับ )  จะเห็นว่าภูเขายังมีหิมะปกคลุมอยู่ แม้จะปลายเดือนพฤษภาคมเข้าไปแล้ว   ที่ภูเขา Rausu Dake เขาเปิดให้ปีนเขาด้วย แต่วันที่เปิดเขาเพื่อให้ปีน อย่างเป็นทางการคือวันที่ 3 กรกฎาคมของทุกปี

Shiretoki Rausu
ใครบอกวันที่สองขับรถนิดเดียว ปรากฎว่าไม่เลย และก็ไม่ได้ทันดูทะเลสาบมาชูด้วย ต้องข้ามไปอีกวัน และน้ำตก Oshinkoshin ก็ไม่ได้ดูเช่นกัน เนื่องจากถนนปิดดังว่า

ขับรถกลับทางเดิมมุ่งตรงสู่ที่พักที่ Kawayu เป็นเมืองออนเซนที่เป็นอุทยานแห่งชาติเช่นกัน  ระหว่างทางแวะเข้าห้องน้ำที่ Salmon park ที่เมือง Shibetsu  ที่เมืองนี้มีชื่อเสียงด้านปลา Salmon

Shibetsu Salmon Park
 ขับรถต่อกันจนค่ำมืด กว่าจะถึงโรงแรมก็สองทุ่มกว่า

ระหว่างทาง
 พักที่โรงแรม Suikazura ที่ เมือง Kawayu ครับ

Suikazura
JTB ของ Hokkaido ตะวันออกจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้ชาวคณะด้วย

งานเลี้ยงที่ Suikazura

Suikazura
 ตามประสางานเลี้ยงคนญี่ปุ่น ต้องมีพิธีรีตรอง อย่างมีระเบียบแบบแผนตามๆกันมา  กล่าวโดยรวมคือ JTB ฮอกไกโดตะวันออก คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากันเยอะๆ และบอกว่าฮอกไกโกตะวันออกนี่เหมาะแก่การขับรถเที่ยวเอง

JTB Hokkaido ตะวันออก จัดงานเลี้ยงที่ Suikazura
อาหารในงานเลี้ยงวันนี้เป็นอาหาร course หรือที่เรียกว่า Kaiseki   กินกันยาวเลย

Kaiseki

Kaiseki
 อาหารทะเลของฮอกไกโด อร่อยมากๆ แม้แต่อาหารทะเลระดับธรรมดาๆ ก็ยังเทียบเท่าอาหารอร่อยระดับเทพที่เมืองไทย

Kaiseki

Kaiseki
 จบวันที่สองด้วยการอาบน้ำแร่ครับ  ท่านที่มาญี่ปุ่นไม่ควรพลาดเด็ดขาด   ผมว่าคนไทยที่มาก็ไม่ค่อยพลาดน้ำแร่กันครับ ไม่ค่อยอายกันเท่าไหร่แล้ว

Kaiseki
เมืองคาวายุนี่สมเป็นเมืองแห่งออนเซน คือขนาดอยู่ในเมืองยังได้กลิ่น sulfur ที่มาจากน้ำพุร้อน
รูปด้านล่างคืออาหารเช้าครับ  หลากหลายและอร่อยดี

อาหารเช้า Suikazura
 อยู่ญี่ปุ่น ต้องเติมพลังนัทโต กับไข่ดิบ ทุกๆเช้า เค้าว่ากินแล้วฉลาด

อาหารเช้า Suikazura
จบการขับรถในวันที่สองแล้วครับ ความประทับใจของวันนี้อยู่ที่อาหารทะเลอร่อย จริงๆอาหารอื่นๆก็อร่อยหมดเลย กับได้แช่น้ำร้อนครับ  ส่วนความไม่ประทับใจก็คือขับรถนานมาก และพลาดจุดที่ทัวร์กำหนดไว้จะให้ไป หลายจุดเลยครับ

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ขับรถยนต์เที่ยว ฮอกไกโด ตะวันออก ตอนที่ 1 Hokkaido self drive part 1

ยินดีต้อนรับสู่ฮอกไกโด
อย่างที่ทราบกันว่า blog นี้ ไม่รับเขียนตามคำขอ ต้องอยากจะไปถึงจะเขียนให้  และผมก็ไม่ชอบไปกับทัวร์ด้วย เหตุว่าเพราะผมเป็นคนที่เข้ากับคนยาก และมักสร้างแต่ความยุ่งยากให้กับผู้คนเสมอๆ จึงไปเที่ยวเองดีสุด ไม่ต้องให้คนอื่นรำคาญใจครับ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่พิเศษกว่าปกติ คือเราตั้งใจจะไปดูลาเวนเดอร์ที่ฮอกไกโด แต่ปรากฏว่า JTB ได้จัดทัวร์ขับรถเองอันนี้ขึ้นมา เป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2556 ครับ  ซึ่งเป็นช่วงเปิด hi season ของฮอกไกโด  ( hi season เริ่มต้นเดือนพฤษภาคม ครับ ถ้าไม่นับ  Yuki matsuri เดือนกุมภาพันธ์อะนะครับ )

ทัวร์นี้เป็นทัวร์ที่มีความพิเศษคือ เป็นทัวร์ที่ลูกทัวร์ ไม่ได้นั่งรถทัวร์แต่ต้องขับรถเอง ซึ่งเป็นการจัด คาราวานแบบนี้ครั้งแรกของคณะของคนไทย  คือเคยมีจัดบ้างแล้วแต่เป็นคนจากประเทศอื่น  และทริปนี้มีสื่อมวลชนทั้งจากของคนไทย และของญี่ปุ่นไปทำข่าว รวมถึงทำเป็น scoop และลงหนังสือด้วย ซึ่งคาดว่าคงจะได้ผ่านตากัน หลังจากที่เห็นบทความอันนี้ของผมไปแล้วอีกพอสมควร   ที่เขียนมายาวนี่ไม่ได้ภูมิใจนะครับที่ได้ออกสื่อ เพราะปกติ blog นี้ไม่ชอบออกสื่อ คือผมไม่อยากให้ตัวตนในชีวิตของผม มาปะปนกับ "ตัวตน" ในอินเตอร์เนตของผม อยากให้อ่านบทความของผมไปโดยไม่ต้องมาสนใจตัวตนของผม จะได้ลด "อคติ" และลดจินตนาการที่ผู้อ่านเติมลงไปเองครับ

การไปครั้งนี้ของผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสื่ออื่นๆ ไม่ได้ถูกใครว่าจ้าง ผมจ่ายเงินไปร่วมทัวร์เอง จ่ายเต็มราคา และที่จริงพวกสื่อน่าจะต้องให้ค่าตัวผมในการที่ให้ผมออกสื่อเสียด้วยซ้ำไปนะครับ :D  ส่วนที่เขียนบ่นอยู่นี่ก็เป็นการบ่นตามสไตล์ blog นี้อยู่แล้ว

ข่าวในหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น
ที่ฮอกไกโด เขามีคนไทยที่มีจิตอาสาช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอยู่ลองไปอ่านตรงนี้ดู 
เข้าใจว่าสนามบินชิโตเซะ แห่งนี้เพิ่งสร้างขึ้นแทนสนามบินเดิม ตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมาการบินไทยมีบินตรงกรุงเทพฯ ฮอกไกโด ทำให้การไปฮอกไกโด นั้นสะดวกขึ้นมาก และราคาก็ลดลงด้วย เพราะการบินต่อเครื่องในประเทศญี่ปุ่นนั้นราคาไม่ถูกเลย 
ดูจากเครื่องที่ผมนั่งไปนั้น ดูตรง immigration จะพบกว่าคนญี่ปุ่นน้อยมาก คนไทยราว 90% ฟังจากคำบอกเล่าบอกว่าตั้งแต่เปิด route นี้มาคนญี่ปุ่นหาตั๋วยากมาก คนไทยจองเต็มหมด และ route นี้เป็นหนึ่งใน route ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของการบินไทยทีเดียวครับ

สาเก
มี free wifi ให้ใช้ได้ 14 วันด้วยครับ เห็นเด่นชัด และรายละเอียดเป็นภาษาอังกฤษ จะได้ประหยัดค่า roaming

free wifi Hokkaido
 ไร้สาระนิดหน่อย แต่ผมชอบเที่ยวคอมบินิ ของญี่ปุ่นมาก มันมีของอร่อยเยอะ

ซูชิ

สนามบินชิโตเซะ ฮอกไกโด
จากสนามบินนั่งรถบัสไปเอารถที่ Toyota rental car นักข่าวมากันเพียบตั้งแต่ลงเครื่องมาแล้ว  ในรูปด้านล่างคณะกำลังฟัง brief เรื่องการขับและวิธีการใช้รถ Prius กันอยู่ ผมเข้าใจว่า JTB ให้ความสำคัญกับงานนี้มาก เพราะมีระดับผู้จัดการมาให้การดูแลกันหลายท่าน ตลอดทั้ง trip และเผลอๆ Toyota ก็ subsidize ค่ารถให้ด้วย (มั้ง)

คาราวาน Prius
 รถของเราเป็นรถ Prius
คาราวาน Prius
 เนื่องจากการเดินทางเป็นคาราวานหลายคัน จึงใช้วิทยุสื่อสารในการติดต่อระหว่างกัน  ในรถมีแผนที่ GPS ทำให้สะดวกในการเดินทาง และการกดหาสถานที่ใน GPS นี้ไม่ยาก เพราะกดแค่เบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ก็สามารถค้นหาสถานที่ได้เลยไม่ต้องสะกดชื่อภาษาญี่ปุ่น  แต่ผมว่าแผนที่ใน GPS นี้ยังไม่มีภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์นัก อาจเพราะว่ายังอยู่ในระหว่างการพัฒนา
รถที่เราขับกันครั้งนี้เป็นรถ Prius และ Prius Alpha ครับ

วิทยุสื่อสาร
ทริปนี้ทั้ง trip เราขับรถกัน 4 วัน รวมระยะทาง ประมาณ 1100 กิโลเมตร สำหรับวันแรก วิ่งประมาณ 300 กิโลเมตร โดยวิ่งจากจุดที่ 1 คือวงกลมสีแดงๆ ที่มีเลข 1  ในภาพข้างล่าง ไปแวะทานอาหารกลางวัน ที่จุดที่สอง ในวงกลมสีแดงที่มีเลข 2 และขับไปพักที่ จุดที่สามครับ  การขับรถครั้งนี้ขับเป็นวงกลมออกไปทางฮอกไกโดฝั่งตะวันออก

แผนที่ของการเดินทางในวันแรก
ที่เหนื่อย และง่วงนิดหน่อยในวันแรก เพราะพวกเราเดินทางมาจากกรุงเทพในเวลากลางคืนและนอนบนเครื่องบินมา พอตื่นเช้ามาถึงก็ต้องขับรถกันเลย  และที่สำคัญการขับรถเป็นแบบไปเรื่อยๆ ตามๆกันไป ชวนง่วงยิ่งนัก  

การเดินทางวันแรกออกจาก ซับโบโร มุ่งไปทางตะวันออก ผ่าน Yubari เมืองที่ขึ้นชื่อมากเรื่องเมลอนญี่ปุ่น  (ค่อนข้างแพงอยู่) และไปทาง Obihiro และแวะพักทานอาหารเที่ยงที่ Ikeda wine castle  ซึ่งที่นี่อยู่ที่ Tokachi (คันจิเขียน "สิบชนะ" ) ที่ผลิตไวน์มาครบห้าสิบปี ที่ปีนี้เองครับ  เมืองโทคาจิ มีประชากรไม่ถึงหมื่นคน รายได้ส่วนใหญ่ของเมืองมาจากการทำ wine 

การขับรถช่วงแรก เป็น highway เป็นส่วนใหญ่

ระหว่างทาง
 เนื่องจากไปเป็นขบวนใหญ่ ก็ต้องจอดพักตรงที่ที่มีที่จอดรถเยอะๆ  ผมชอบคณะทัวร์นี้มากอย่างนึง ตรงที่ทุกคนเป็นระเบียบ และรู้หน้าที่ เคารพสถานะของส่วนรวมกันมากๆครับ  เวลาไปเป็นคณะสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือการเสียสละเรื่องของตัวเอง เพื่อรักษาส่วนรวมนี่แหละครับ

ระหว่างทาง
บทความชุดนี้มีรูปรถเยอะมาก เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการขับรถ ถ้าคนไม่ชอบขับรถคงไม่มาทริปกันแบบนี้  ผมอะชอบ ยังนึกอยากเช่า convertible มาขับ อากาศเย็นสบายมากครับสำหรับวันแรก 5-15 องศาเซลเซียส

ระหว่างทาง
 ถึงละ Tokachi wine
Tokachi wine
 เห็นดอกซากุระ ที่บาน (ไปแล้ว) อยู่ทางซ้ายของแปลงองุ่นสาธิต
Tokachi wine

Tokachi wine

Tokachi wine
 อาหารเที่ยงเป็นเบนโต แบบนี้รสชาติธรรมดา
อาหารเที่ยง
Tokachi wine
 ไม่ได้ชิม wine เพราะต้องขับรถครับ

Tokachi wine

Tokachi wine


Tokachi wine
ออกเดินทางต่อจาก 2 ไป 3 ในแผนที่ด้านบน เราเริ่มวิ่งติดทะเลบ้างแล้ว และก็แวะที่จุดพักรถอีกจุด คือ Koi Toi kan  ญี่ปุ่นดีอย่างนึงคือแต่ละท้องถิ่นจะมีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีจุดเด่นของท้องถิ่นที่ต่างกันไป และหาซื้อไม่ได้ที่จุดอื่น  อย่างตรงนี้ หมึกแห่งความรัก มิตรภาพ

Koi Toi kan

ระหว่างทาง
ขับไปเรื่อยๆ (เหนื่อยและง่วง ) จนถึง คุชิโระ (Kushiro เบอร์ 3 ในแผนที่ข้างบน ) ที่คุุชิโระ จริงๆมีสนามบิน สามารถขึ้นเครื่องจากชิโตเซะ มาลงก็ได้นะครับ  
เรามาดู ศูนย์อนุรักษ์ นกกระเรียน กันที่นี่ http://kushiro-tancho.jp/ โดยความร่วมมือกับสวนสัตว์คุชิโระ

Japanese crane reserve
ที่ศูนย์นี้ ไม่ใหญ่มาก และมีนกอยู่ประมาณไม่ถึง 20 ตัว ที่ให้ชมครับ นกกระเรียนญี่ปุ่นมีจุดเด่น ที่มันใส่หมวกแดง  ( ที่หัวของมันมีขนสีแดง )

Japanese crane reserve
 คุชิโระเป็นเมืองท่าที่สำคัญมาแต่อดีต เหตุเพราะที่ท่านี้ น้ำไม่แข็งเป็นน้ำแข็ง  นั่นอาจเป็นอีกเหตุหนึ่งที่นกเหล่านี้ หนีหนาวมาอาศัยใน swamp ที่คุชิโระ แห่งนี้จนเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านมาจนเป็นศูนย์อนุรักษ์และเพาะพันธุ์พวกมัน ในปัจจุบัน

Japanese crane reserve
 ถึงละ Kushiro Prince Hotel เล่นเอา มืด

Kushiro prince hotel
ในทริปนี้ทั้งทริป คืนที่พักที่ห้องเล็ก ที่สุด ก็เป็นที่นี่แหละครับ  โรงแรมญี่ปุ่นมักจะห้องเล็กๆ แต่ว่าที่คุชิโระ น่าจะทำห้องได้ใหญ่กว่านี้นะครับพี่ 

Kushiro prince hotel
 สาเก คิตะโนะ โช  ชัยชนะของภาคเหนือ ด้านขวา ส่วน ซันตอรี่ เบียร์ ทางซ้าย

สาเก
 ตื่นเช้ามาถ่ายรูปสักหน่อย  จะเห็นความเป็นเมืองท่าของคุชิโระ ครับ  เมืองนี้คนอยู่ เยอะเหมือนกัน

Kushiro Hokkaido

Kushiro Hokkaido

Kushiro Hokkaido

Kushiro Hokkaido

Kushiro Hokkaido
Kushiro prince hotel
 เอาละ ตื่นเช้ามาก็ brief กันอีกที คราวนี้เราจะวิ่งขึ้นเหนือเลียบทะเลไป มุ่งหน้าสู่มรดกโลก ชิเรโตโกะ ( Shiretoko)

Brief
 ทริปนี้ ขับไปกินไป ซื้อ royce potato chip มาลอง มันคือมันฝรั่งเคลือบช๊อกโกแลต  ที่ฮอกไกโด มีชื่อเรื่องมันฝรั่ง และก็มีชื่อเสียงเรื่องนม ซึ่งเอามาใช้ทำ ช๊อกโกแลตได้ดี  แต่ผสมกันแล้วจะอร่อยหรือเปล่า ความเห็นส่วนตัวคือ อากาศระหว่างที่ไป อยู่ระหว่าง 1-19 องศาเซลเซียส  อากาศในรถ ไม่น่าเกิน 25 องศา เซลเซียส แต่ก็ทำให้ช๊อกโกแลตที่เคลือบไว้ ละลายได้ครับ  ถ้ามาเมืองไทยอาจเละตุ้มเป๊ะ ได้

ขนม
 จบสำหรับ ส่วนที่ 1 แล้วครับ ยังมีต่อ ........