|
Earl's Regency, Kandy |
ต่อจากตอนที่แล้วครับ ที่ผมไปศรีลังกามา เพื่อเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ที่โคลอมโบ ซึ่งเป็นเมืองหลวงปัจจุบันของ ประเทศศรีลังกา
http://phongthon.blogspot.com/2015/01/blog-post.html
หลังจากนั้นก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย คณะทัวร์ของเราที่นำโดย
AA Travel Service (เอ เอ เทรเวล เซอร์วิส จำกัด)ก็นำเราสู่เมือง แคนดี้ ที่เป็นเมืองหลวงเก่าของศรีลังกา และก็เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของศรีลังกา ในปัจจุบัน เมืองแคนดี้นี้ตั้งอยู่บนที่ราบสูงแคนดี้ เมืองแคนดี้นั้นเป็นเมืองมรดกโลก มาตั้งแต่ปี คริสตศักราชที่ 1988 และเป็นที่ตั้งของวัดพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ ที่สำคัญมากแห่งหนึ่งในพระพุทธศาสนา ของโลก อาณาจักรแคนดี้ ตั้งอยู่บนที่ราบสูง และรอดพ้นจากการยึดครองของโปรตุเกส และฮอลแลนด์ จนกระทั้งมาพ่ายให้กับอังกฤษในคริสตศตวรรษที่ 19 นี่เอง
จริงๆ ระยะทางจากโคลอมโบ ไปแคนดี้นั้น ไม่ไกลมาก ประมาณไม่ถึงกรุงเทพชลบุรี แต่ด้วยเส้นทางที่เป็นถนนสองเลน และเป็นทางขึ้นเขาลงเขา ทำให้การเดินทางไปแคนดี้นั้น ใช้เวลาเดินทางนานมากทีเดียว ประมาณครึ่งวัน และระหว่างทางคณะทัวร์ได้แวะพักทานอาหารเที่ยง ตรงที่มีการอนุรักษ์ช้าง การนำช้างมาแสดง และช้างอาบน้ำ
การแสดงงูสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ที่รู้สึกประทับใจ คืองูคณะนี้ มีงูกับลิง อยู่คณะเดียวกัน พองูมันออกมา เจ้าลิงนี่ตัวสั่นเลย ด้วยความกลัว (มั้ง)
|
การแสดงงู |
มะพร้าวที่นี่เป็นสีแดง และน้ำมะพร้าวก็ไม่หอมหวาน เหมือนมะพร้าวบ้านเรา
|
มะพร้าวแดง |
แวะศูนย์อนุรัษณ์ช้าง Pinnawala ซึ่งตรงนี้ห่างจากโคลอมโบ ประมาณเก้าสิบกิโลเมตรแล้ว น่าจะใกล้มาทางเมืองแคนดี้มากกว่า ใกล้โคลอมโบ
https://www.lanka.com/about/attractions/pinnawala-elephant-orphanage/
|
ศูนย์อนุรักษ์ช้าง Pinnawala |
|
ศูนย์อนุรักษ์ช้าง Pinnawala |
|
ศูนย์อนุรักษ์ช้าง Pinnawala |
ฉากเด็ด ที่สุด น่าจะเป็น ฉากที่ช้างที่อาบน้ำอยู่ เดินขึ้นจากน้ำ เพื่อกลับไปที่ศูนย์อนุรักษ์
|
ศูนย์อนุรักษ์ช้าง Pinnawala |
|
ศูนย์อนุรักษ์ช้าง Pinnawala |
ร้านอาหารแถวๆนั้น เป็นร้านอาหารที่ไว้รับทัวร์อยู่แล้ว อาหารเป็น บุฟเฟ่ต์ ก็มีอะไรก็กินๆไปก่อน
|
ร้านอาหารแถวๆนั้น |
|
ปลาแม่น้ำ |
เบียร์ Anchor เป็นเบียร์ ยี่ห้อหลักอีกยี่ห้อหนึ่งของศรีลังกา นอกเหนือไปจากยี่ห้อ Lion
|
เบียร์แบรนหลักอีกแบรนของศรี ลังกา |
|
ตุ๊กตุ๊ก |
หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปเพื่อไปชม โรงงานผลิตชา ชาวศรีลังกา เริ่มทำชาก็ตั้งแต่ที่โดนอังกฤษเอาเป็นเมืองขึ้น และชาศรีลังกา นี่ก็มีคุณภาพไม่เลวเลย โดยเฉพาะชาที่ผลิตที่เมืองแคนดี้ เพราะภูมิประเทศ ภูมิอากาศเป็นใจ ชาที่ผลิตที่นี่เขาเรียกชา ซีลอน (Ceylon) เป็นพันธุ์ที่พัฒนาที่นี่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า นำมาทดลองโดยชาวอังกฤษหรือเปล่า
|
Ceylon Tea factory |
|
Ceylon Tea factory |
พอมาถึง Kandy ก็ สวดมนต์ กันก่อน
|
โบสถ์ คาทอลิก ใน แคนดี้ |
เสร็จแล้วพาไปชมการแสดงเต้นระบำ Kandy Dance performance ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีที่แสดงกี่ที่ แต่ตรงที่ผมไปนี่ ต้องเดินผ่านพระราชวัง กับ วัดพระเขี้ยวแก้วด้วย
|
Kandy, Sri Lanka |
อาคารบ้านเรือน มีกลิ่นอาย อาณานิคมอังกฤษ อย่างชัดเจน
|
Kandy, Sri Lanka |
|
Kandy, Sri Lanka |
|
Royal Palace of Kandy |
Kandyan Dance เป็นการเต้นรำที่มีต้นกำเนิดในศรีลังกาที่เมืองแคนดี้ นี้ก่อนที่จะแพร่ไปยังบริเวณอื่นๆ จุดเด่นน่าจะเป็น กลองกับชุดนี่แหละ ผมเห็นขบวนแห่เจ้าสาวในงานแต่งงานก็ยังมีคณะเต้นรำ Kandyan นี่เลย
|
Kandyan Dance Performance |
พอเต้นรำเสร็จ เขามีโชว์สู้กับไฟ ไม่รู้เขาทำกันได้ยังไง มีเดินลุยไฟด้วยครับ
|
Kandyan Dance Performance |
|
Kandyan Dance Performance |
|
Kandyan Dance Performance |
|
Kandyan Dance Performance |
สถานที่เที่ยวอยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งก็ดี เพราะว่าเดินทางไปไกลก็ไม่ไหว รถมันติด
|
Kandy royal palace park |
หลังจากที่เราชมการเต้นแล้ว เราก็เข้าไปในบริเวณพระบรมมหาราชวังของ Kandy เพื่อที่จะเข้าไปชม วัดพระเขี้ยวแก้ว ( Temple of the tooth relic )
http://www.sridaladamaligawa.lk/
ซึ่งทางเข้านี่ ก็ต้องมีการผ่านระบบรักษาความปลอดภัย และต้องแต่งตัวสุภาพ ผู้ชายก็ห้ามใส่กางเกงขาสั้น ระบบรักษาความปลอดภัยนี้เป็นแบบ manual นะครับ
|
ทางเข้า |
|
Kandy royal palace |
|
Kandy royal palace |
ทางเข้า มีบัตรสำหรับชาวต่างชาติด้วย แต่ก็คุ้มอยู่ เพราะได้ CD บอกเรื่องราวของ วัดพระเขี้ยวแก้วด้วย
|
Kandy royal palace |
เดินเข้า เขตบ่อน้ำป้องกัน พื้นที่ชั้นในเข้าไป เพื่อเข้าชมวัดพระเขี้ยวแก้ว แต่ถ้าจะนมัสการองค์พระเขี้ยวแก้ว เลยนี่ต้องไปให้ถูกเวลา แต่ต่อคิวหน่อย เพราะเขาเปิดให้ชมเป็นเวลา เช่นไปเวลา หกโมงเย็น เป็นต้น และอย่าลืมว่าที่ศรีลังกา นี่ท่านห้ามหันหลังให้องค์พระพุทธรูป เด็ดขาด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว มักจะเกิดบ่อยตอนที่ท่านถ่ายรูปกับพระพุทธรูปกันนี่แหละ
|
Kandy royal palace |
|
Kandy royal palace |
|
Temple of the tooth relic |
|
Temple of the tooth relic |
|
Temple of the tooth relic |
วัดพระเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา หรือ Temple of the tooth relic นี่เป็นวัดที่บรรจุอัฐิของพระพุทธเจ้า ในส่วนพรทนต์ หรือส่วนเขี้ยว และว่ากันว่าเป็นสมบัติของพระราชา คือผู้ใดได้ครอบครองจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ตอนที่เข้าไปเป็นช่วงหกโมงพอดี และก็มีผู้คนมากมายมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะ พระเขี้ยวแก้ว เพราะอย่างที่บอกคือเขาเปิดแค่บางเวลาที่เข้าไปสักการะองค์พระได้
|
วัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ |
คนเยอะเลย
|
วัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ |
|
วัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ |
และสุดท้ายก็เข้าที่่พัก ที่ Earl's Regency ครับ และรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
โรงแรมนี้ดีมาก ผมชอบมาก ใครบอกว่าโรงแรมนี้สามดาว นี่ผมคงต้องหันไปถามว่า เคยพักโรงแรมมามากแค่ไหน เหมือนกัน จริงๆสิ่งที่แต่ละคนพูด ไม่ได้สะท้อนความจริงของสิ่งที่เขาให้ความเห็น แต่สะท้อน ตัวเขาเองด้วยซ้ำ ผมว่า
Website ของ Earl's Regency ครับ
http://www.earls-regency-kandy-sri-lanka.en.ww.lk/
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
อ่างมี Jacuzzi ได้ด้วย
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
อาหารเย็น กินในโรงแรมดีสุด ผมว่า
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
ถ้าไป Kandy อีกครั้ง โรงแรมนี้อยู่ในตัวเลือกของผมแน่นอนที่สุดครับ ขอติ ตรงเรื่องห้อง Fitness ค่อนข้างเก่าแล้วครับ และพนักงานที่นี่ก็ไม่เหมือนพนักงานที่ไทยนะ ค่อนข้างโหดทีเดียว ถ้าเราเอามาตรฐานไทยมาจับ
|
Earl's Regency Kandy, Sri LanKa |
|
Kandy, Sri Lanka |
|
Kandy, Sri Lanka |
ตึกแบบ Colonial แบบนี้
|
Kandy, Sri Lanka |
วัดคริสตร์เหมือนกัน บางวัดก็คาทอลิก บางวัดก็ Church of England ( Anglican) เหมือนเช่นวัดนี้
|
Kandy, Sri Lanka |
ผมคงไม่มีอะไรจะเขียนแล้วครับ ขากลับจากศรีลังกาก็บินโดยการบินไทย ที่บินเที่ยวกลางคืนและมาถึงเช้าอีก อย่างที่ว่าในบทความศรีลังกาตอนที่หนึ่งไปแล้ว ว่าเที่ยวบินไปศรีลังกา มักจะเป็นแบบนี้ คือบินไปแล้วสามารถเที่ยวต่อได้เลย แต่ถ้าบินเข้าศรีลังกาละก็ จะต้องเข้ากลางคืน เพื่อนอนก่อนคืนหนึ่ง
การไปศรีลังกาครั้งนี้ ถือว่าดีกว่าที่ผมคาดเอาไว้มาก และประเทศนี้ก็เป็นประเทศที่น่าเที่ยวครับ ไม่น่ากลัว และค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่าบ้านเราด้วย จริงๆ ไปเองก็ได้ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น