|
St. Isaac's Square |
ช่วงนี้เขียนรีวิวแต่ทริปท่องเที่ยวหน่อยนะครับ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ แต่เหมือนโชคชะตาจะพาให้ช่วงนี้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยครับ ทริปรัสเซียนี่จริงๆ ไม่เคยอยู่ในกำหนดการ และไม่อยู่ในสมองว่าจะต้องไปด้วยครับ แต่ด้วยเหตุบังเอิญทำให้ได้ไป และก็เป็นการไปที่สนุกสนานตื่นตาตื่นใจเกินคาดไปมากครับ
ออกตัวไว้ก่อนว่ารีวิวนี้ไม่ใช่เป็น guide book สำหรับเที่ยวรัสเซียนะครับ เป็นการเขียนบันทึกสิ่งที่ผมไปพบเห็นมา และเขียนตามความเข้าใจและใส่ความรู้สึกของผมลงไปด้วยในงานเขียนครับ
การเดินทางไปรัสเซีย ใช้เวลาเดินทางขาไป ราว 10 ชั่วโมงเครื่องบินครับ และขากลับราว 8.5 ชั่วโมง (กรุงเทพฯ - มอสโค ) ในครั้งนี้เราบินออกจากกรุงเทพตอนสิบโมง ไปถึงมอสโค ราวห้าโมงเย็น แล้วก็ต่อ สายการบิน S7 ซึ่งเป็นสายการบินในประเทศของรัสเซีย ไปที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เลยครับ
ระหว่างรอต่อสายการบินในประเทศก็เริ่มด้วยการทดลอง Beer แก้วแรก ก่อนแรก เบียร์ Blanc 1664 อ๊ะ แต่เบียร์นี้เป็น เบียร์ฝรั่งเศสรึนี่ เพิ่งรู้ตอนเขียนนี่แหละ แต่ก็ช่างเถอะครับ สั่งได้ก็ดีแล้ว คนรัสเซียไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ หรือถึงแม้พูด ก็ฟังยากมากครับ การสื่อสารโดยภาษากายนี่ดูเหมือนจะ OK อยู่ครับ
|
Beer Blanc 1664 |
ข้ามมาลงเครื่องที่สนามบิน St. Petersburg เลยครับ ค่าตั๋วราว 2000 บาท สนามบินที่นี่ค่อนข้างวุ่นวายทั้งที่ Moscow และก็ที่ St. Petersburg เลย ใช้เวลาบินราว 1 ชั่วโมง Taxi ที่นี่มี Volvo มี Benz ให้เลือกขึ้น
|
Taxi |
สนามบิน St. Petersburg ที่เห็นอยู่ไกลๆ เป็นศูนย์การค้าหรือ Terminal ก็ไม่รู้ ครับกำลังสร้างอยู่ ช่วงที่ไปนี่ฝนตกพอดี เขาบอกว่าก่อนจะไปสัปดาห์หนึ่งเพิ่งมีหิมะแรกของปีนี้ไป แต่พอผมไปถึงก็กลายเป็นฝนแทน ทำให้อากาศไม่หนาวมาก อยู่ราว 3-7 องศาเซลเซียสครับ
|
St. Petersburg |
โรงแรมที่พักครั้งนี้เป็นโรงแรมใหม่ที่สร้างขึ้นหลังโซเวียตล่มสลายไปแล้วครับ ชื่อว่า
Petro Palace Hotel อยู่ย่านท่องเที่ยวเลยครับ เดินไป St. Isacc's Cathedral ได้ หรือจะเดินไปถนน Shopping ที่ใหญ่สุดของ St. Petersburg ก็ได้ และที่สำคัญคือคืนละ 3 พันบาท ( ผมว่า ราคาโออยู่นะครับ )
|
Petro Place Hotel , St. Petersburg |
ห้องนอนไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่ทีวียังเป็นแบบโบราณอยู่
|
Petro Place Hotel , St. Petersburg |
|
Petro Place Hotel , St. Petersburg |
ที่ Coffee Shop ที่ Lobby Lounge มี Wifi ให้ใช้ฟรีครับ อ้อ การไป รัสเซียของผมครั้งนี้ผมว่าไม่จำเป็นต้องขอ Package Data Roaming ไปก็ได้ครับ เพราะผมเองก็ยังเหลือเลยตอนนี้ คือเพราะว่าเขามี Wifi free ให้ใช้เต็มไปหมดในหลายที่เลยครับ ตั้งแต่สนามบินมาแล้ว
|
Petro Place Hotel , St. Petersburg |
อาหารเช้า ก็ดีเกินคาด ทีแรกจินตนาการไว้แย่กว่านี้มากๆ นี่ถือว่า Ok มากเลยครับ
|
Petro Place Hotel , St. Petersburg |
|
Petro Place Hotel , St. Petersburg |
|
Petro Place Hotel , St. Petersburg |
อาหารเช้าของผม ปลากับผัก มะเขือเทศ กับชีส
|
Petro Place Hotel , St. Petersburg |
เดินออกมาหน้าโรงแรมก็มองเห็น St. Isacc's Cathedral เลยครับ โบสถ์ St. Isacc's นี่เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียครับ และเป็นสถานที่เที่ยวสำคัญที่หนึ่งของ St. Petersburg
|
Petro Place Hotel , St. Petersburg |
ที่ St. Petersburg ในเดือนพฤศจิกายน นี่มืดมากครับ ตื่นเช้ามากว่าจะมีแดดก็ราว 10 โมงเช้าเข้าไปแล้ว พอห้าโมงก็มืดอีกแล้ว รูปถ่ายข้างบนนี่ผมถ่ายตอนสิบโมงเช้าแล้วครับ
งานนี้เราไม่ได้มากับทัวร์ครับ เหมือนทุกครั้งที่เราไม่ได้ไปกับทัวร์ เพราะว่ากลัวว่าคนอื่นจะทนเราไม่ได้ เราเลยต้องแยกไปเองครับ แต่เราก็จ้างไกด์ชาวไทยที่เป็นนักเรียนอยู่ที่นี่ ให้ช่วยพาไปเที่ยว ราคาที่น้องเขาคิดคือ 120 US$ ต่อวัน น้องเขารับเงินเป็น US$ ครับ
ที่แรกที่เราไปก็คือ Catheine Palace ที่เมือง Pushkin ที่อยู่ห่างออกไปทางใต้ราว 25 กิโลเมตรครับ จากการไปรัสเซียครั้งนี้ทำให้ผมได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์บ้าง ซึ่งขอนำมาเขียนตามความเข้าใจของผมเองว่าแต่เดิมรัสเซียมีเมืองหลวง และศูนย์ความเจริญอยู่ที่มอสโค มาก่อนที่ St. Peterburg นี่นานพอควร จนราวปี 1700 พระเจ้า Peter ( 1682-1725 ) ได้มีความต้องการจะสร้างเมืองให้อยู่ชิดกับยุโรปมากที่สุด ก็คือมาตั้งตรงที่เป็น St. Peterburg ณ ปัจจุบันนี้ ซึ่งดูตามแผนที่จะชิดกับ Finland และสวีเดน คือแต่ก่อนสวีเดนนั้นเรืองอำนาจมาก ผู้ยึดอำนาจทางทะเลได้จะเป็นผู้ทรงอำนาจในสมัยก่อน
แต่เดิมตรง St. Peterburg ก็มีแค่ป้อมปราการ ไว้สู้ทางเรือกับสวีเดนเท่านั้น ภายหลังพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ต่อสู้ชนะดินแดนตรงนี้อย่างเด็ดขาด ก็สร้างเป็นเมืองขึ้นมา และสร้างให้ " เหมือนยุโรป" St. Peterburg คือการ "Westernize Russia" ครับ การออกแบบผังเมืองจึงเป็นการทำโดยเอาแบบอย่างของ ยุโรปที่ได้ลองผิดลองถูกมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ทำให้ยิ่งใหญ่กว่า และดีกว่าครับ พูดตามตรงคือเมือง St. Peterburg นี้สวยกว่า Moscow เยอะเลยครับ
วังฤดูร้อนของพระนางแคทเทอลีน ( Catherine The great (1741-61 ) เป็นวังของบุคคลสำคัญซึ่งเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการทำให้เมืองนี้เป็นอย่างที่มันเป็นอยู่ครับ พระนางเป็นคนเยอรมัน เป็นพระชายาของพระเจ้าปีเตอร์ที่ สาม ผมเข้าใจเอาเองว่าวังนี้เป็นวังที่ราชวงศ์องค์สุดท้ายของรัสเซีย คนในราชวงศ์โรมานอฟก็เคยประทับอยู่ที่นี่ และแม้แต่พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สอง ที่เป็นพระสหายของรัชกาลที่ห้าของไทยเราก็เคยประทับที่นี่ด้วย ( รัชกาลที่ 5 เสด็จเยือนรัสเซีย และฉายพระรูปร่วมกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สอง กรกฎาคม พ.ศ. 2440 และไทยกับรัสเซียก็เป็นมหามิตรกันตั้งแต่นั้น แม้เราจะบอกว่าเป็นมหามิตรกับอเมริกาเหมือนกันในภายหลังก็ตาม)
|
Catherine Palace |
รูปเครื่องทรงของพระนางแคทเทอรีน ที่เห็นเหมือนเครื่องปั้นดินเผาข้างหลังนั้นมีทุกห้องครับ มันคือ Heater ในสมัยก่อน เวลาที่นี่หนาว นี่เขาหนาวจนแม่น้ำเป็นน้ำแข็งอยู่หลายเดือนเลยครับ
|
พระนาง Catherine |
รูปเหมือนพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สอง ซาร์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ และพระชายา
|
ภายใน Catherine Palace |
|
ภายใน Catherine Palace |
ห้องที่มีชื่อเสียงมากของวังแห่งนี้คือ ห้องอำพัน (Amber Room) ครับที่เขาไม่ให้ถ่ายรูป เลยไม่มีรูปครับ (รูปเยอะๆ ไป post ที่ fanpage ครับ )
แวะซื้อตุ๊กตาเดินเองได้ แบบใช้หลักวิทยาศาสตร์สมดุล พวกนี้มาด้วยนะครับ มันไม่ได้ทำในจีนนะ มัน Made in St. Pertersburg
แล้วเราก็กลับไปที่ตัวเมือง St.Petersburg ไปกินข้าวที่ร้านตรงข้ามโรงแรม ซึ่งเป็นร้านที่เป็นบ้านของนักเขียนเก่าครับ ร้านนี้มีไวไฟอีกแล้ว และก็เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดเลยมั้งที่กินที่รัสเซีย ร้าน Gogol ครับ (รูปนักเขียน
นาม Gogol )
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
เมนู
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
เมนูเปิดออกมา มี Chapter ด้วย เหมือนนิยายเลย
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
Wine Russia รสชาติไม่ค่อยโอ ขวดละ พันสอง
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
บีฟ สโตรกรานอฟฟ์
|
บีฟ สโตรกรานอฟฟ์ |
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
|
Gogol Restaurant St. Petersburg |
จากนั้นไป
พิพิธภัณฑ์ Hermitage ครับ เป็นวังฤดูหนาวของพระนางแคทเทอลีนเดิม ที่นี่มีห้องกว่า 700 ห้อง ถ้าตั้งใจดูคงใช้เวลาหลายวันครับ
|
The Hermitage |
|
Palace Square |
|
The Hermitage |
|
The Hermitage |
รูปเขียนพระแม่และพระบุตร ของลีโอนาโดดาวินชี
|
The Hermitage |
ที่นี่มีไวไฟ ฟรีอีกแล้ว และ Load App The hermitage มาไว้ใช้ดูพิพิธภัณฑ์ได้ด้วยครับ
|
The Hermitage |
|
The Hermitage |
Church on spilled blood ครับ โบสถ์ที่สร้างทับหยดเลือดของพระเจ้า Alaxander ที่ 2 ที่ถูกปลงพระชนม์ ในปี 1881 จากกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่รุนแรง ( ซาร์ Alaxander ที่ สอง ต่อด้วย Alaxander ที่ 3 แล้วก็ ซาร์ นิโคลัสที่สอง ที่เป็นซาร์องค์สุดท้ายครับ ) โบสถ์สร้างโดยพระเจ้า ซาร์ Alaxander ที่ 3 และถูกบรูณะอยู่นาน จนมีสภาพสวยงามดังในปัจจุบัน
|
Church on spilled blood |
แท่นครอบสถานที่สิ้นพระชนม์ของพระเจ้า Alaxander ที่สอง
|
Church on spilled blood |
โบสถ์นี้มีอีกชื่อว่า Resurrection Church of our Savior (โบสถ์แห่งการกลับคืนชีพของพระผู้ไถ่ , ผมแปล)
|
Church on spilled blood |
รัสเซีย เมืองที่ถูกสร้างภาพผู้ร้ายให้เป็น เมืองคอมมิวนิส แต่มีวัดมีโบสถ์ สวยหลายแห่งเหลือเกินนะครับ
|
Church on spilled blood |
แล้วก็ขึ้นวันที่สองเลยครับ วันที่สองก็ เที่ยวรอบๆเหมือนเดิม ซึ่งผมว่าเที่ยวสองสามวันกำลังดี เอาพอว่า อยากเที่ยวอีกยังไม่อยากกลับเลยครับ เริ่มด้วยการดูรอบๆ Smolny Convent ครับ
Smolny Convent เป็นที่พักของพระนาง Elizabeth ลูกของ พระเจ้า Peter มหาราชผู้สร้างเมืองนี้ ภายหลังสิ้นพระเจ้า Peter พระนางไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นครองราช พระนางจึงมาเป็นชีอยู่ใน Convent แห่งนี้ ต่อมาที่แห่งนี้กลายเป็นโรงเรียนหญิงล้วน และเปลี่ยนมาเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย St. Petersburg (คณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ในปัจจุบันครับ เรียกว่าคนเรียนคณะนี้จะอยู่ไกลผู้ไกลคนกว่าคณะอื่น เพราะตรง Smolny นี่จัดเป็นชายขอบของเมือง แต่เดิมครับ
|
Smolny Convent |
|
Smolny Convent |
เรือ Aurora ครับ เรือนี้เป็นเรือที่พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สอง ส่งมาในพระราชพิธีเสด็จขึ้นครองราชย์ของรัชกาลที่ 6 ของไทย และก็เป็นเรือ ที่เป็นจุดเริ่มของการสุดสุดของราชวงศ์โรมานอฟเช่นกัน สิ้นเสียงปืนใหญ่ของเรือ Aurora ก็คือ จุดสิ้นสุดของราชวงศ์โรมานอฟ (เสียงปืนเป็นเสียงสัญญาณการปฎิวัติ ค.ศ. 1917 )
ที่เมือง St. Petersburg นี้เองก็เป็นที่ก่อการปฎิวัติการเปลี่ยนแปลง และหลังการเปลี่ยนแปลงเป็นสหภาพโซเวียตรัสเซีย ชื่อเมืองก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เลนินกราด จนถึงปีค.ศ. 1991 จึงเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อเดิมครับ
|
Russian Cruiser Aurora |
St. Isaac 's Cathedral โบสถ์ที่ใหญ่ และยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกครับ เริ่มก่อสร้างในปี 1818
|
St. Isaac's Cathedral |
ภายในสวยงามมากครับ อย่าลืมมองหาพระจิตเจ้า ที่บนยอดโดมครับ
|
พระจิต |
อีกจุดที่ผมชอบมากคือประตูนี้ ผมเรียกว่าเป็นประตูสวรรค์ เพราะมีนักบุญเปโตรยืนอยู่หน้าประตู
|
St. Isaac's Cathedral |
พระองค์ถามนักบุญเปโตรว่า "ท่านคิดว่าเราเป็นใคร"
" พระองค์คือพระคริส บุตรของพระเจ้า"
พระองค์ " ท่านคือเปโตร บนศิลานี้เราจะสร้างพระศาสนจักรของเราไว้ ทั้งเรายังมอบกุญแจแห่งแผ่นดินสวรรค์ไว้แก่ท่าน"
|
St. Isaac's Cathedral |
|
St. Isaac's Cathedral |
ผมขอเขียนเท่านี้ละกันครับ รูปไปดูได้ที่
Fanpage ครับ
แล้วเราก็เดินทางโดยรถไฟจาก St.Petersburg มาที่ มอสโค ครับ คนละ 6000 บาท เพราะนั่งอยู่ในตู้ Green zone ครับ ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง
|
รถไฟ St. Petersburg - Moscow |
รถไฟวิ่งราว 200 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงครับ
|
รถไฟ St. Petersburg - Moscow |
มีรถสมัยเก่า เหมือนกัน จริงๆ ผมว่า บ้านเราก็ up grade รถความเร็วสูงได้ไม่ยากนะ แต่ไม่ทำสักที
|
รถไฟ St. Petersburg - Moscow |
ภายใน Green Car
|
รถไฟ St. Petersburg - Moscow |
มี Wifi free อีกแล้ว สรุป ไม่รู้จะเปิด data roaming package มาทำไม
|
รถไฟ St. Petersburg - Moscow |
อาหารในรถไฟครับ มีอาหารเสริฟเหมือนเครื่องบิน
|
รถไฟ St. Petersburg - Moscow |
|
รถไฟ St. Petersburg - Moscow |
เมือง St. Petersburg เป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโก และเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของรัสเซียในปัจจุบันครับ
รูป ที่ถ่ายมา ดูเพิ่มเติมได้ที่
Link ครับ พบกันตอนต่อไปที่มอสโค
อยากรู้ว่าประชากรที่ไปเที่ยว Saint Peterburg ในแต่ละปีประมาณกี่คน?
ตอบลบ