วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ทริปญี่ปุ่น 2012 ตอนที่ 3 : Let's Go Kansai

Fushimi Inari
ตั้งใจว่าจะเขียนตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของ Trip นี้แล้วครับ  และดูเหมือนว่าตอนที่สามจะเป็นตอนที่ยาวที่สุดก็เป็นได้ เพราะเหลือเรื่องราวให้เขียนมากเหลือเกิน  อาจเป็นเพราะว่าผมเรียนที่แถบคันไซ นี้ก็เป็นได้นะครับเลยมีอะไรอยากเขียน

ย้อนความหลัง กับทริปญี่ปุ่น 2012 ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ครับ

ความเดิมตอนที่แล้วเราอยู่ที่ชิบูย่า กับคุณท่านน้องหมา ฮาชิโกะ ซึ่งตอนนี้ที่ญี่ปุ่นเขามีอนุสาวรีย์ เจ้าของของ ฮาชิโกะด้วยนะครับ จากสถานีชิบูย่า เรามาขึ้นรถไฟ JR ที่สถานีโตเกียว ที่สถานีโตเกียวมีขนมที่คนนิยมซื้อฝากกันมาก คือโตเกียวบานาน่า  ซึ่งผมว่ามันก็นานแล้วและใครๆ ก็ซื้อ  แถมจริงๆ ที่สนามบินทั้งนาริตะ ฮาเนดะ และสนมบินคันไซ ก็สามารถซื้อโตเกียวบานาน่าได้ครับ เพราะมันฮิตมาก  แต่ผมว่าที่สถานีโตเกียวมีขนมอื่นๆให้ทดลองเยอะเหมือนกันนะครับ  และก็อร่อยด้วย

ถ้าจะไปเกียวโต โอซาก้า ก็จะไปขึ้นที่ชานชลาดังรูปครับ  เราจะไปสายโตไกโด  ส่วนบัตรชินคันเซน มาซื้อได้ที่ตู้  โปรดดูว่ารถไฟที่ขึ้นเป็นแบบเร็ว หรือแบบช้า รถไฟมีหลายแบบ คือแบบช้ามันจอดทุกสถานี จะราคาถูกสุด แต่มันก็เป็นชินคันเซนเหมือนกัน  รถไฟที่เร็วที่สุดตอนนี้ของสายโตไกโด คือแบบโนโซมิ (แปลว่า ความหวัง) มันจอดเฉพาะสถานีใหญ่ๆครับ  วิ่งจากโตเกียวไปโอซาก้า ที่ระยะทาง 515 กิโลเมตร ใช้เวลาราว สองชั่วโมงครึ่ง
สถานีโตเกียว

รถโนโซมิ
เลือกรถได้แล้ว ว่าจะไปโนโซมิ ก็มาเลือกต่อว่าจะเอาแบบ fix ที่นั่งหรือแบบ ไม่ fix ที่นั่ง จะเอาตู้ธรรมดา หรือตู้ Green Car ( Business class) ถ้าไปทัวร์ ร้อยทั้งร้อยจะให้นั่งแบบตู้ธรรมดา และไม่ fix ที่นั่ง ก็คือถูกสุด ครับ  หากเลือก แบบ Green Car ราคาจะแพงกว่าแบบตู้ธรรมดาราว 1 เท่าตัว

ภายใน Green Car ของ Nozomi
 ที่นั่งของ Green Car จะฟังเพลงได้ กับเก้าอี้ใหญ่กว่า  จริงๆถ้าไปเที่ยว เอาแบบตู้ธรรมดาก็พอแล้วผมว่า

ภายใน Green Car ของ Nozomi
 ระหว่างนั่งรถไฟก็ขอแนะนำ Tokyo Banana Raisin ญาติกับโตเกียวบานาน่า แต่เก็บได้นานกว่า
Tokyo Banana Raisin 
ถึงสถานีเกียวโตแล้วสถานีใหญ่โตอลังการ นับเป็นสถานีใหญ่แห่งหนึ่ง ที่จริงมีโรงแรมอยู่ในนี้ด้วย แต่ว่ามันแพงเกินสำหรับผม

สถานีรถไฟเกียวโต
 เลยมานอนโรงแรมที่อยู่ตรงข้ามสถานีเกียวโต  ซึ่งจริงๆก็คงจะเป็นของการรถไฟแถบคันไซนี่แหละ เดาจากชื่อมันซึ่งก็คือ Hotel Hankyu Kyoto ครับ  ที่เห็นด้านหลังคือหอเกียวโต

Hotel Hankyu Kyoto 
Hotel Hankyu Kyoto

ช่วงนี้เป็นช่วงใบไม้แดง มีผักตามฤดูกาลให้เป็นอาหารเช้า
Kyou no O bansai
 การกินอาหารเป็นถาดหลุมแบบนี้ สามารถกินผสมผสานกันได้หลายๆแบบ
อาหารเช้า
 ข้าวกับหน่อไม้ และเห็ด แบบญี่ปุ่น
ข้าวกับหน่อไม้
สำหรับมื้อเย็น ได้ไปทานที่ร้านที่อยู่ในเกียวโตเอกิ เป็นร้านสุกี้ และชาบู ชื่อว่า โมริย่า อยู่ชั้น บนๆ ของเกียวโตเอกิ ที่เป็นชั้นร้านอาหารครับ  มีดีๆ หลายร้าน

เกียวโตเอกิ

โมริย่า

โมริย่า

Matsusaka Gyou

ที่เกียวโตมีวัดหลายที่เลย สมัยที่ผมเรียนอยู่ผมเคยไปถ่ายรูปวัดต่างๆแล้วขึ้น web ไปเยอะเลยครับ แต่ตอนนี้ web นั้นหายไปแล้ว  รอบนี้นำเสนอได้แค่ส่วนหนึ่งของที่ผมคิดว่าน่าสนใจควรไป

ที่แรกคือ Kiyomitzu Tera และ Hei -an Jingu  เป็นที่ที่ทัวร์จะพาไปลงเป็นประจำครับ  ทั้งสองแห่งน่าสนใจทั้งคู่ เหมือนมากรุงเทพ ต้องไปวัดพระแก้ว วัดโพธิ์อย่างไรอย่างนั้น   Hei - an Jingu เป็นศาลเจ้าที่มี โทริ อันใหญ่มากๆ ตั้งอยู่กลางถนน  ถ้าจะได้แบบนั้น คงต้องไปอยู่กลางถนน ที่ตำแหน่งไกลๆ จากศาลเจ้ามากพอควร

Hei-an Jingu
 วิวนี้ มุมประจำของ คิโยมิซึ เทระ เป็นวิวของอาคารหลักของที่วัด  ซึ่งสมัยก่อนนั้นมีเรื่องเล่าว่าจอมโจรโกเอมอน ก็เคยมาที่นี่ มีคำเปรียบเปรยการกระทำอะไรที่เสี่ยงและยากลำบากว่าเหมือนเป็นการ "กระโดดจาก ระเบียงวัดแห่งนี้ "  มีความเชื่อว่าถ้าโดดแล้วรอด การกระทำอะไรก็จะสำเร็จ และจากข้อมูลในเนต บอกว่ามีคนมาโดดจริงๆ และรอดถึง 84%  อันนี้ ก็ต้องลองไปโดดดู แต่ผมว่า น่าจะรอดยากเหมือนครับ

Kiyomitzu Tera
 ที่วัดนี้มีปลูกต้นซากูระไว้เต็มเลย ตอนที่ไป ต้นซากูระใบร่วงหมดแล้ว เพราะตอนนี้เป็นช่วงของการดูใบไม้แดง  หรือโคโย ซึ่งที่วัดนี้ก็เป็นที่หนึ่งในเกียวโต ที่มีโคโย ที่สวยงามมากครับ  ส่วนหน้าซากูระ ก็มีซากูระ มากมายสวยงามเช่นกัน  เรียกว่ามาได้ทั้งปี

Kiyomitzu Tera
 น้ำศักดิ์สิทธิ์สามสาย  สายน้ำแห่ง ความร่ำรวย สุขภาพ และสติปัญญา  เห็นทางวัดจัดขวดไว้ให้บรรจุเอากลับบ้านได้ด้วยครับ  แต่คิวยาวจัง   ผมว่าสิ่งที่คนเรากลัวมากๆ สามอย่างคือสิ่งเหล่านี้แหละ  คือไม่อยากจน ไม่อยากเจ็บป่วย (รวมไม่อยากแก่) และไม่อยากโง่ครับ
Kiyomitzu Tera
คนจำนวนมากไปวัดนี้โดยข้าม จิชูจินจาไป  จิชูจินจา อยู่ภายในพื้นที่ของวัดคิโยมิซึ นี้ โดยเมื่อเดินผ่านระเบียงใหญ่ไปก็จะถึงเลย อยู่ทางซ้าย

ที่นี่เป็นศาลเจ้าแห่งความรัก ภายในศาลเจ้ามีหินสองก้อน เชื่อกันว่า หากเดินหลับตาจากหินก้อนหนึ่งไปอีกก้อนหนึ่งได้ โดยไม่ออกนอกทาง จะสมหวังในความรักครับ 
Jishu jinja
ต่อไปเป็นที่ที่ ทัวร์ไม่ค่อยไปละครับ  ที่แรก Kitano Tenmanku ที่นี้สมัยเรียนผมไปบ่อยๆ เพราะเป็นวัดไว้ขอพรด้านการศึกษาครับ  วัดนี้ไปช่วงต้นๆปี ไปดูดอกบ๊วยก็สวยมากนะครับ  แล้วก็อย่าลืมซื้อธนูมาด้วย  แต่ละปีจะมีรูปนักษัตร ต่างๆกันไป

Kitano Tenmanku 
 ธนู เพื่อความหลักแหลม
Kitano Tenmanku 
วัวโดนลูบหัวจนหัวมันไปหมด ลูบหัววัวแล้วก็มาลูบหัวตัวเองครับ  วัวแห่งความฉลาด
วัว ที่ Kitano Tenmanku
ไปเกียวโตช่วง โคโย หรือดูใบไม้แดงนี่ที่หนึ่งที่เขามักจะไปคือ Arashiyama

หนึ่งในวัดดังที่นี่คือ Tenryuji ครับ  เป็นวัดที่มีศาลาที่มีรูปวาดมังกรสลักบนหลังคา  พอดีเขาไม่ให้ถ่ายรูป มังกรนี้ไม่ว่ามองจากตรงไหนของศาลา ตาของมังกรจะมองมาที่เราตลอด

Tenryuji
 โมมิจิ หรือใบไม้แดง เพิ่งเริ่มมาแค่นี้เอง  ถ้ามาเยอะๆ จะสวยมาก
Momiji
 อาราชิยาม่า เป็นที่อนุรักษ์ ผู้คนที่มาที่นี่ มักพักผ่อนด้วยการเดินชมธรรมชาติครับ เท่านั้นจริงๆ
ที่นิยมอีกอย่างคือการนั่งรถไฟ Torokko บนรางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ชมใบไม้แดงที่อาราชิยาม่านี่ หรือจะล่องเรือก็ได้ครับ

Arashiyama
ตรงนี้่มี unseen japan คือป่าไผ่ ระยะทางยาวพอควรเลยครับ  

ป่าไผ่
แวะไปเยี่ยมโรงเรียน ตรงนี้คือ โตเกได แห่ง เกียวได

Kyoto Diakaku
ที่นี้ก็ชอบมาก Gekkeikan Okura Sake Museum ครับ  พิพิธภัณฑ์ สาเก เกกเกคัง  เป็นสาเกที่ผมชอบมากที่สุดในบรรดาสาเกทั้งหมดครับ

Gekkeikan Sake Museum

Gekkeikan Sake Museum
 เห็นถังๆ แบบนี้ เป็นถังสาเกที่เขาเอาไปบริจาคที่ศาลเจ้า  แล้วเวลามีงานฉลองก็จะทุบเปิดครับ  เหมือนเปิด Champagne เวลามีงานในวังเขาใช้สาเกจากที่นี่เท่านั้นครับ  (เขาว่า)

Gekkeikan Sake Museum
 ค่าเข้า 300 เยน ได้ชิมสาเก และก็ได้สาเกกระป๋อง แบบนี้ติดมือกลับบ้าน  ผมว่าโอเคนะครับที่นี่  และก็ได้ซื้อสาเกกลับมาบ้านด้วย

Gekkeikan Sake Museum
ใกล้ๆ กับ Sake Museum อย่าพลาดศาลเจ้า Fushimi Inari ศาลที่สำคัญแห่งหนึ่งในการบูชาเทพ อินาริ เทพแห่งข้าว  ซึ่งท่านอินาริ มีผู้ส่งศาลเป็นหมาจิ้งจอกครับ

มีที่เสกรถด้วย 

ที่เสกรถ

Fushimi Inari
ที่โด่งดังจริงๆของที่นี่คือ Tori zenbon ครับ ที่สร้างจากเงินบริจาคให้กับศาลเจ้าแห่งนี้

Fushimi Inari

Fushimi Inari
 ได้โทริ อันเล็กหรือใหญ่ ขึ้นกับความศรัทธา คือจำนวนเงินด้วยครับ  หากจะเดินผ่านโทริพวกนี้ทั้งหมด ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงทีเดียวนะ

Fushimi Inari

Fushimi Inari
แวะไปกินร้าน St. Marc ระลึกความหลัง สมัยเรียนถ้าได้กินร้านนี้ ถือว่าดีมากๆ แล้ว ที่ไปกินเพราะอาหารไม่แพงมาก และได้กินขนมปังอร่อยๆ ไม่อั้น ด้วยครับ  เรียกว่าไม่ค่อยมีงบแต่อยากกินหรู ก็ไปร้านนี้ได้

St. Marc

St. Marc
 ขนมปัง ไม่จำกัด
St. Marc

St. Marc
ที่ข้างๆสถานีเกียวโต ตอนนี้มีร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าร้านใหญ่มาก  มีทุกอย่างเหมือนโตเกียวแล้วครับ  ไม่ต้องไปหาไกลถึงโตเกียวแล้ว

สถานีเกียวโต

ออกเดินทางต่อมาโอซาก้า มานอนโรงแรมที่ City walk หน้า Universal studio Japan  และพบว่าโรงแรมคนเยอะ และก็ห้องไม่ค่อยงามมาก เลยไม่มีรมณ์จะถ่ายรูปเอามาลงนะครับ  ผมว่าโรงแรมตรงนี้ เหมาะกับคนที่เที่ยว Universal รอบกลางคืนครับ เสร็จแล้วก็มานอนเลย  แต่ ร้านใน City walk เอง ก็น่าสนใจอยู่ครับ

City walk
 Universal Studio Japan ไม่เหมือน Disney land ตรงที่ Fast pass หรือที่เขาเรียกว่า Express booklet นั้น ต้องใช้ซื้อเอา ไม่ใช่ไปต่อคิวเอาเหมือนใน Disney

Express Booklet

City walk
ผมไปที่นี่ครั้งสุดท้ายเมื่อตอนมันเปิดใหม่ๆ เผลอแป๊ปเดียว ตอนนี้เปิดมา 11 ปีแล้วครับ  มีเครื่องเล่น Amazing Spiderman สนุกดีครับ

Spider man
 ผมว่า Universal ที่นี่สนุกกว่าที่ Singapore เยอะครับ

Universal Studio Japan
ไปคันไซอย่าลืมทานโอโคโนมิยากิ นะครับ  ของแท้ต้องคันไซ  ร้านที่ทานครั้งนี้คือร้าน Fugetsu ครับ 

Fugetsu

Okyonomi yaki


รูปที่เหลือ ดูได้ที่นี่ครับ  Link    ขอจบเรื่องราวการไปญี่ปุ่นรอบนี้ไว้เท่านี้ละครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น