|
วีรันดา เชียงใหม่ |
ต่อเนื่องในทริปเชียงใหม่ ในเดือนพฤษภาคม 2554 นี้ ในทริปเดียวกัน ที่คืนแรกเราได้ไปพักที่
รติล้านนา
คืนที่สองนี่เราได้ไปพักที่ วีรันดา โรงแรมชื่อเดียว เจ้าของเดียว และผู้ออกแบบเดียวกันกับ วีรันดาที่หัวหิน นั่นเองครับ (
รีวิววีรันดาหัวหินของผมที่ I love to go ครับ)
โรงแรมในกลุ่มของวีรันดาเริ่มครั้งแรกมาจากที่หัวหิน โดยท่านผู้บริหารท่านหนึ่งจากกลุ่ม Major , Siam future และในปี 2009 วีรันดาที่เชียงใหม่แห่งนี้ ก็เปิดให้บริการครั้งแรก และล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ โรงแรมนี้ ได้เข้าอยู่ใน M Gallery Collection บูติกแบรนด์ ในเครือ Accor group ครับ โรงแรมนี้ถูกรีวิวโดยอาจารย์ชานไม้ชายเขาไปแล้วครับ และรูปที่ท่านถ่ายไว้ สวยงามมากจริงๆ เชิญติดตาม รีวิวของอาจารย์ชานไม้ได้ที่
ตาม link ครับ
โรงแรมวีรันดาอยู่ที่อำเภอหางดง ซึ่งถ้าเทียบกับโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ไปอยู่ตามหุบเขาแล้วโรงแรมอื่นแล้ว ที่แห่งนี้ไม่ไกลจากตัวเมืองและตัวสนามบินเลย โรงแรมห่างจากไนท์ซาฟารี ราว 10 กิโลเมตรเท่านั้น เพียงแต่ถนนที่เข้ามาเป็นทางสองเลนและวกวนไปบ้าง
เมื่อเข้ามาสิ่งที่พบเป็นอย่างแรกเมื่อ check in คือที่นี่ครับ
|
วีรันดาเชียงใหม่ |
เข้ามาจะได้รับ welcome drink
|
welcome drink at Veranda Chaingmai |
lobby ที่นี่ให้ความรู้สึก กว้างใหญ่มาก ครับ ความรู้สึกอย่างแรกของผมเมื่อเดินเข้ามาที่นี่คือ โรงแรมนี้ออกแบบสวยจริงๆ สมกับที่ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามด้วย ผมเข้าใจว่าที่วีรันดาชะอำกับที่เชียงใหม่นี้ ผู้ออกแบบเป็นสถาปนิกกลุ่มเดียวกัน นั้นคือ สถาปนิกจากสำนักงานสถาปนิกกรุงเทพ หรือ OBA นั่นเอง
|
Lobby วีรันดาเชียงใหม่ |
ว่ากันว่าที่หลังคาโค้งๆ ได้แนวคิดมาจากหนังเรื่องสุริโยทัย และที่นั่งที่โค้งๆใน Lobby นี่ ได้แนวคิดจากที่นั่งบนหลังช้างในสมัยโบราณ กันทีเดียว
|
Lobby วีรันดาเชียงใหม่ |
ห้องพักที่ได้มีโอกาสไปพักในคราวนี้คือห้องแบบ Plunge Pool Pavilion ที่อยู่ในกลุ่มของอาคารที่แยกออกไปจากห้องพัก Deluxe ซึ่งชั้นล่างจากเป็น Plunge Pool ชั้นบนเขาเรียก Jacuzzi Pavilion ห้อง Plunge Pool และ Jacuzzi Pavilion นั้น มีจำนวนเท่ากันคือมีอย่างละ 6 ห้องครับ เพราะมันอยู่ชั้นล่างชั้นบนของกันและกัน ห้อง Plunge pool (88 ตารางเมตรกับ ระเบียงอีก 45 ตารางเมตร) จะอยู่ชั้นล่าง มีขนาดใหญ่กว่า ห้องแบบ Jacuzzi ( 78 ตารางเมตร กับระเบียง 32 ตารางเมตร) ข้อแตกต่างหลักคือ ห้อง Jacuzzi นั้นปรับน้ำอุ่นได้ ราคาค่าเข้าพักของห้องสองแบบนี้เท่ากันครับ
ห้องที่ผมไปพักครั้งนี้คือห้องหมายเลข 911
|
ห้อง Plunge Pool 911 |
เจ้าตัวนี้ อยู่หน้าห้อง ที่นี่ไม่มีกระดิ่งไฟฟ้าครับ ใช้เป็นแบบนี้
|
กระดิ่งหน้าห้อง |
ในห้องมีเครื่องเล่น iPod ให้ มีที่ชงกาแฟอย่างดี มีชากาแฟชั้นดีหลายแบบเตรียมไว้ให้บริการฟรี เครื่องดื่ม soft drink ในตู้เย็นทานได้ทุกอย่างไม่เสียตังค์ แต่ถ้าเปิดโซดาหรือพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องเสียตังค์เพิ่มครับ ส่วนที่ตรงทีวีมีเครื่องเล่น DVD ที่ต่อคาราโอเกะ ได้ด้วย แผ่น DVD สามารถไปขอยืมได้ที่ห้องสมุดที่อยู่ด้านล่างของ Lobby ครับ
|
เครื่องต่อ ipod ที่หัวเตียง |
Wifi มีให้ใช้ฟรีแต่ต้องขอ username กับ password จากที่ front ครับ
|
wifi มีให้ใช้ฟรี |
|
แชมพู สบู่ ยานวด ของ Thann |
หมู่ตึก Pavilion มี 7 หลัง โดยที่เห็นอยู่ไกลสุดนั่นเรียกว่า President Pool Villa มีขนาดใหญ่ 420 ตารางเมตร
|
หมู่ตึก Pavilion |
มองจากโซฟาออกไปจะเห็นสระ ผมว่าที่นี่ควรจะติดม่านแบบตัดแสงก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะแสงจากด้านนอกเข้ามาเยอะมาก ทำให้มองไม่เห็นทีวีหรอก แล้วอีกอย่าง ตอนเช้าๆ ขนาดปิดม่านทั้งสองชั้น ( มีม่านด้านนอก กับม่านที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน) แสงก็ยังเข้ามาได้ครับ เพราะม่านบางมาก
|
มุมมองจากโซฟา |
|
เตียง |
ห้องน้ำขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอาบตรงไหนมองออกไปข้างนอกก็จะเห็นต้นไม้
|
ห้องน้ำ |
แวะไปเยี่ยมห้องพัก แบบ Jacuzzi มาด้วยครับ จะเห็นวิวชัดกว่า เพราะห้องข้างล่างต้นไม้บังวิวหมด
|
วิวจากห้อง Jacuzzi Pavillion |
แล้วแต่ชอบครับ ใครใคร่อยู่แบบไหน ก็ได้ราคาเท่ากันแหละ
|
ห้องน้ำของห้อง Jacuzzi Pavilion |
รูปนี้เป็นรูปอาคารของห้องพักแบบ Du luxe ที่มีอยู่ 56 ห้อง ขนาด 43 ตารางเมตร จะเห็นว่ามองออกมาจะเห็นกำแพงซึ่ง ทางสถาปนิกบอกว่าได้แรงบันดาลใจจากำแพงเมือง ในหนังเรื่องนเรศวร
|
กำแพงเมือง |
ห้องอาหารเช้า และอาหารบ่ายนั้น มาทานได้ที่ห้องอาหาร Higher room ที่อยู่ติดสระน้ำ จริงๆแล้วการอยู่ติดกันแบบนี้ดูไปก็สวยงามดี แต่หากมีคนมาว่ายน้ำ คนทานข้าว กับคนว่ายน้ำ อาจจะรู้สึก ขัดใจซึ่งกันและกัน ก็เป็นได้ครับ
|
Higher room |
ผมชอบสระว่ายน้ำของที่นี่ มันเป็น infinity edge สองด้านทีเดียว ว่ายแล้วเหมือนว่ายอยู่บนท้องฟ้า มองออกไปจะเห็นเมฆหมอกอยู่บนภูเขา ติดก็แต่ขอบของสระที่นี่คมมาก
ภายในห้องอาหาร Higher room
ห้องอาหารอีกที่คือระเบียงชา ซึ่งตรงนี้ใช้เป็นห้องอาหารสำหรับตอนเย็นและตอนกลางคืน และก็เป็น Bar ไปด้วยในยามค่ำคืน เพียงแต่ว่าตรงนี้มันค่อนข้างไกลจากที่พักพอสมควร และที่นี่กลางคืนนั้น มืดมากครับ แต่ผมเข้าใจว่ากลางคืนเรียกรถกอล์ฟมารับส่งได้อยู่นะครับ เขาบริการตลอด 24 ชั่วโมง
|
ระเบียงชา |
อาหารขึ้นชื่อของระเบียงชา
|
ก๋วยเตี่ยวห่อลาบ |
|
พิซซ่าแฮม |
ห้องสมุดครับ สามารถยืมหนังสือ และหนังไปดูในห้องได้ อ้อ กิ๊ฟชอปของที่นี่ ของเก๋ๆดีครับ
|
ห้องสมุดและกิ๊ฟชอป |
พยายามตัดรูปไปเยอะแล้วก็ยังยาวทุกทีเลยนะครับ รีวิวโรงแรม ผมชอบครับโรงแรมนี้ และอยากไปอีกครับ ท่านที่จะไปพักควรทราบว่าที่นี่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติมาก ดังนั้นท่านจะต้องเจอกับแมลงเยอะสักหน่อยครับ
ขอบคุณครับ ^^
ตอบลบ